ศูนย์วิจัยโรคปรสิต พบ ผู้ดื่มเหล้าเบียร์ เป็นประจำ เสี่่ยงติดเชื้อพยาธิเส้นด้าย อาการที่พบอาทิ ตุ่ม ลมพิษบริเวณที่ตัวอ่อนพยาธิไชเข้าผิวหนัง ปวดท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย และท้องร่วง
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า เพจเอฟเอ็มซีคลินิกเวชกรรม ได้เปิดเผยข้อมูลศูนย์วิจัยโรคปรสิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี คอเหล้าเบียร์ที่ดื่มประจำ คงต้องหมั่นตรวจพยาธิ โดยงานวิจัยนี้ พบว่าดื่มเหล้าเบียร์เสี่ยงติดพยาธิ โดยการดื่มสุรา เบียร์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นประจำทำให้มีการติดเชื้อพยาธิเส้นด้าย Strongyloides stercoralis สูงกว่าคนที่ไม่ดื่มถึง 5 เท่าโดยพบว่า การดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อพยาธิเส้นด้ายในผู้ป่วย ทำให้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก และเกิดภาวะการติดเชื้อรุนแรง เชื่อว่าเกิดจากการที่แอลกอฮอล์ไปทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างโฮสต์และพยาธิเสียสมดุลไปในผู้ป่วยที่เสพติดแอลกอฮอล์และมีการติดเชื้อเรื้อรัง
หลักฐานสำคัญ คือ ร่างกายที่ได้รับแอลกอฮอล์นานเข้า แอลกอฮอล์นี้จะไปกระตุ้นแกนไฮโปทาลามัส ต่อมใต้สมอง ต่อมหมวกไต (HPA)ให้มีการผลิตฮอร์โมน cortisol ที่มากเกินไป ฮอร์โมนนี้จะไปทำให้การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันลดลงโดยเฉพาะ type 2 T helper cells (Th2) และไปเลียนแบบฮอร์โมนการลอกคราบของพยาธิ ทำให้พยาธิสามารถพัฒนาเปลี่ยนแปลงระยะตัวอ่อนจากระยะหนึ่งสู่อีกระยะหนึ่ง เกิดการติดเชื้อในร่างกายผู้ป่วยได้ (autoinfection)
งานวิจัยเปรียบเทียบผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลจำนวน 263 คน ที่เป็นผู้ดื่มแอลกอฮอล์แบบเรื้อรัง เปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่ม 590 คน พบว่า การติดเชื้อพยาธิสูงถึง 20.5% ในกลุ่มดื่มประจำ ขณะที่ผู้ไม่ดื่มพบการติดเชื้อเพียง 4.4% ทั้งสองกลุ่มนี้ มีระดับการติดเชื้อที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Marques CC, et al. 2010)
ทั้งนี้ พยาธิเส้นด้าย เป็นพยาธิที่พบได้ตามบริเวณเขตร้อนชื้น มีรายงานการติดเชื้อทั่วโลกมากกว่า 370 ล้านคน พบได้บ่อยในบ้านเรา มีรายงานผู้ป่วยทุกภาค ติดต่อโดยการกินอาหารที่ปนเปื้อนตัวอ่อนพยาธิที่มีในผัก ผลไม้ อาหาร น้ำดื่มที่ไม่สะอาด และยังสามารถไชผ่านผิวหนังเราได้ อาการที่พบอาทิ ตุ่ม ลมพิษบริเวณที่ตัวอ่อนพยาธิไชเข้าผิวหนัง ปวดท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย และท้องร่วง อาการมักพบในรายที่ติดเชื้อจำนวนมาก
“หากท่านชื่นชอบการดื่มแอลกอฮอล์ ควรจะหมั่นตรวจสุขภาพ ตรวจการติดเชื้อพยาธิเส้นด้าย อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อรักษาให้หายจากโรค และป้องกันการติดเชื้อจำนวนมาก ลดอาการแทรกซ้อนที่จะตามมา”