หมอพบ ผู้ป่วย 2 ราย ไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่ารีบาวด์เกิดได้จากอะไร ปรากฏการณ์หายจากโควิดแล้วกลับมาบวกใหม่
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า จากกรณีอาจารย์คนดังโพสต์ข้อความระบุว่า ได้ซื้อยาต้านไวรัสโควิดมาให้ญาติที่ป่วยโควิดกินเองนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เผยว่า กรมการแพทย์ยืนยันการใช้ยาต้องเป็นไปตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ โดยยาโมลนูพิราเวียร์ และแพ็กซ์โลวิด เป็นยาควบคุมและใช้ในภาวะฉุกเฉิน การจ่ายยาต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ อีกทั้งยาทั้ง 2 ชนิดนี้เพิ่งมีการใช้เพียง 1 ปี ยังไม่รู้ถึงผลข้างเคียงจากยา หากซื้อยามากินเองจะมั่นใจได้อย่างไรว่ายาที่ได้มาไม่ใช่ของปลอม และอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่เรากินอยู่
อีกทั้งช่วงนี้พบปรากฏการณ์หายจากโควิดแล้วกลับมาบวกใหม่ (Rebound) ก็ไม่อยากให้ไปซื้อยากินเอง โดยการ Rebound เรายังไม่ได้รวบรวมข้อมูลว่ามีมากน้อยแค่ไหน แต่เริ่มปรากฏให้เห็นบ้างแล้ว หลักๆ คือต้องลบไปแล้วกลับมาบวกใหม่ ซึ่งบอกไม่ได้ บางคน 5-7 วันลบ พอวันที่ 10-14 กลับมาบวก อย่างที่เคยเจอคนไทย 2 ราย มีภาวะ Rebound รายหนึ่งอายุเกือบ 70 ปี ไปต่างประเทศได้ยาจากต่างประเทศ พอ 14 วันลบไปแล้ว ก็กลับมาบวกโดยไม่มีอาการอะไร
อีกรายหนึ่งอายุ 60 กว่าปี มีอาการพอสมควร มีโรคประจำตัว ให้โมลนูพิราเวียร์ประมาณ 2 สัปดาห์กลับมาบวก มีอาการไอนิดหน่อยตลอด จึงไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่ารีบาวด์เกิดได้จากอะไร
ทั้งนี้ หากกลับมาบวกใหม่ ต้องดูว่ามีอาการหรือไม่ หากไม่มีอาการอาจจะเป็นซากเชื้อก็ได้ แต่หากมีอาการเราจะทำ RT-PCR เพื่อดูวงรอบค่า CT ถ้ามีค่าต่ำกว่า 28-30 อาจสังเกตอาการ อาจให้เริ่มยาอีกครั้งหรือยาอีกตัว ขึ้นกับลักษณะของผู้ป่วยว่ามีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่
ดังนั้น หากติดเชื้อขอให้เข้าสู่ระบบ ซึ่งในส่วนของ รพ.สังกัดกรมการแพทย์ และ กทม.มีสแกน แจก จบ ซึ่งจะมีการติดต่อกลับภายใน 1 ชั่วโมง ส่วนของ กทม.ก็น่าจะใช้เวลาใกล้เคียงกัน ขอให้ลงทะเบียนมีแพทย์ดูแลดีกว่าจะไปซื้อยากินเอง ซึ่งกรมการแพทย์และองค์การเภสัชกรรมรับหน้าที่ในการจัดซื้อยาต้านไวรัสโควิด โดยปัจจุบันยามีราคาถูกกว่าในอดีต และไม่ได้มีการขาดแคลนยา แต่เป็นการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล