Connect with us

News

“ปานเทพ” ชี้ คนไทย 18.8 ล้านคน เคยใช้กัญชาแล้ว

Published

on

“ปานเทพ” ชี้ แก้ปัญหากัญชา ต้องเริ่มต้นจาก “ยอมรับข้อเท็จจริง” 18.8 ล้านคน เคยใช้แล้ว

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกคณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ กระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่องคนไทย 18.8 ล้านคน เคยใช้กัญชาแล้ว จะแก้ปัญหาต้องเริ่มต้นจาก “ยอมรับข้อเท็จจริง” โดยมีเนื้อหาดังนี้

“จากผลสำรวจของนิด้าโพลระหว่างวันที่ 13-15 มิ.ย. ที่ระบุว่ามีประชาชนมากถึงร้อยละ 32.98 เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับกัญชามาแล้ว หากผลสำรวจถูกต้องแม่นย้ำ ก็อาจจะประมาณการได้ว่ามีคนไทยเคยใช้กัญชามาแล้วว่า 18.8 ล้านคนในประเทศไทย

โดยผลการสำรวจมีผู้ที่มีประสบการณ์ในการใช้กัญชาทางการแพทย์นั้น มากกว่าโครงการวิจัย ศึกษาสถานการณ์ใช้กัญชาทางการแพทย์ในประเทศไทย (ระยะที่ 1) ช่วงปี พ.ศ. 2562-2563 มีผู้ที่ใช้กัญชาทางการแพทย์หรือเพื่อรักษาโรคมากถึง 3.96 ล้านคน มากยิ่งกว่าการสำรวจของโครงการวิจัย ศึกษาสถานการณ์ใช้กัญชาทางการแพทย์ในประเทศไทย (ระยะที่ 1) ช่วงปี พ.ศ. 2562-2563 ยิ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคส่วนใหญ่ยังต้องใช้กัญชาใต้ดินเป็นจำนวนมาก ใครโชคร้ายก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม หรือรีดไถ

นายปานเทพ ระบุต่อว่า อย่างไรก็ตามกัญชาใต้ดินเกือบทั้งหมดปนเปื้อนด้วยสารพิษยาฆ่าแมลงและโลหะหนัก และผู้บริโภคไม่ได้รับการคุ้มครองในเรื่องคุณภาพและราคา ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ที่ต้องการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคยังไม่สามารถเข้าถึงกัญชาได้ ทำให้ต้องไปใช้น้ำมันกัญชาใต้ดิน ตรงกันข้ามกับสถานการณ์ในสถานพยาบาลภาครัฐที่ยังมีการจำหน่ายกัญชาให้คนไข้ได้น้อยมาก

โดยในช่วงที่ผ่านมาน้ำมันกัญชาของภาครัฐส่วนใหญ่ที่จ่ายโดยแพทย์แผนปัจจุบันกลับหมดอายุไปครึ่งหนึ่งเพราะไม่ได้มีการจ่ายน้ำกัญชาให้กับคนไข้ได้ตามที่ต้องการ ดังนั้นจำนวนผู้ที่ใช้กัญชาทางการแพทย์หรือเพื่อรักษาโรคมากถึง 3.96 ล้านคนเป็นกลุ่มคนที่ทอดทิ้งไม่ได้ โดยเฉพาะในคนกลุ่มนี้จำนวนมากได้จดแจ้งในการขอปลูกกัญชาเพื่อใช้ในครัวเรือนหรือเพื่อรักษาตัวเองแล้วเช่นกัน

นายปานเทพ ระบุต่อว่า สำหรับสังคมไทยประชาชนส่วนใหญ่ใช้กัญชาใต้ดินเพื่อประกอบอาหารและเครื่องดื่มประมาณ 11.4 ล้านคน ซึ่งหากมีการทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่ชึ้นทะเบียบกับองค์การอาหารและยา (อ.ย.) ก็เชื่อได้ว่าจะมีความปลอดภัยสูงมากอย่างแน่นอน

สำหรับคนที่เคยรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมจำนวน 18.8 ล้านคนนั้น เมื่อเทียบเคียงจากพฤติกรรมการสำรวจอีสานโพลระหว่างวันที่ 17-19 มิ.ย. 2565 เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 91.5 ของคนกลุ่มนี้ จะแค่อยากลองไม่กี่ครั้งหรือกินตามโอกาสต่างๆเท่านั้น จะเหลือคนที่มีความคิดจะกินบ่อยหรือกินประจำประมาณ 1.59 ล้านคนเท่านั้น และส่วนใหญ่ถ้าจะเป็นคนที่กินประจำย่อมรู้ปริมาณและวิธีการบริโภคของตัวเองอยู่แล้ว

นายปานเทพ ระบุอีกว่า ส่วนที่มีการกระทำผิดกฎหมายตามที่ปรากฏเป็นข่าว เช่น การที่มีเด็กเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ไปรับประทานอาหารที่ใส่ช่อดอกกัญชา นั้น ไม่ได้แปลว่าบ้านเมืองไร้ขื่อแป หากแต่เจ้าหน้าที่รัฐและเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำการจับกุมผู้จำหน่ายและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่างหาก

ประชาชนที่ใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคอีกประมาณ 3.96 ล้านคนนั้น น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดในช่วงเวลานี้มากขึ้น เพราะเมื่อกฎหมายปลดล็อกมากขึ้นแล้ว นอกจากจะสามารถปลูกกัญชาเพื่อเป็นยารักษาที่บ้านแทนการเสียเงินซื้อน้ำมันกัญชาใต้ดินที่มีอันตรายและแพงแล้ว ยังสามารถรับบริการคลินิกและโรงพยาบาลเอกชนที่เดิมมีใบอนุญาตจำหน่าย แต่ไม่มีผลิตภัณฑ์กัญชา ก็สามารถจ่ายยากัญชาได้มากขึ้นและปลอดภัยมากขึ้นในช่วงสุญญากาศทางกฎหมายนี้

ส่วนสายเขียวนักสูบอีกจำนวน 6.69 ล้านคนนั้น เมื่อเทียบเคียงจากพฤติกรรมการสำรวจอีสานโพลระหว่างวันที่ 17-19 มิถุนายน 2565 พบว่าหากพิจารณาเฉพาะประชาชนในกลุ่มที่คิดจะสูบหรือเสพนี้ส่วนใหญ่มีความคิดที่จะสูบตามโอกาสต่างๆร้อยละ 32.02 หรือจะลองไม่กี่ครั้งร้อยละ 57.40 โดยจะมีประชาชนในกลุ่มนี้ที่คิดจะสูบเป็นประจำประมาณร้อยละ 10.57 หรือประมาณ 7 แสนคน ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนที่สูบอยู่แล้ว

“อย่างไรก็ตามแม้จะมีเสียงเรียกร้องในเรื่องการสูบเพื่อนันทนาการหรือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ด้วยวัตถุประสงค์ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการส่งเสริมกัญชา เพื่อทางการแพทย์ เพื่อสุขภาพ และเศรษฐกิจเท่านั้น จึงไม่เห็นด้วยกับการสูบกัญชาที่มีสารพิษจากการเผาไหม้และก่อให้เกิดโทษต่อระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูบในที่สาธารณะ เพราะด้วยเหตุที่ว่ามีกลิ่นและควันความรำคาญให้กับผู้อื่น

จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2564 ให้กลิ่นและควันเป็นสิ่งที่รำคาญ ตามมาด้วยประกาศกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565 ที่สูบในที่สาธารณะ ห้ามจำหน่ายให้กับเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี และห้ามจำหน่ายให้กับสตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ส่วนข้อกำหนดอื่นๆที่ภาคประชาสังคมเสนอแนะในระหว่างรอกรรมาธิการเพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง พ.ศ… อยู่นี้

บางข้อเสนออาจอยู่นอกเหนือกว่าอำนาจทางกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอาจจะได้มีการรวบรวมและเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพืชกัญชาและกัญชง ในวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 เวลา 14.00 น.-16.30 น. ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร อาคาร 1 ชั้น 2 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขต่อไป”

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: