สีกาตอง แฉสัมพันธ์สวาสพระกาโตะ ทำไปเพราะรักอดีต ขอโทษวงการพระสงฆ์
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า น.ส.ตอง บุคคลที่ออกมาแฉพฤติกรรมอดีตพระกาโตะ มีเพศสัมพันธ์กับตัวเองขณะครองผ้าเหลืองว่า ขอโทษวงการพระพุทธศาสนา ขอโทษทุกคนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ทำให้เดือดร้อน เพราะความไม่ตั้งใจ อารมณ์ชั่ววูบ และขาดสติ และหลังจากนี้ตนเองจะขอแก้ตัว ทำอะไรก็จะมีสติมากขึ้น ส่วนกรณีที่ อดีตพระกาโตะ อ้างว่าที่ตนออกมาแฉ เพราะต้องการแบล็กเมลนั้น ยังเชื่อว่า เรามีความรู้สึกดีๆ ให้กัน ไม่งั้นคงไม่คบกันมาถึง 3 เดือน เพราะหากคนคุยกันแล้วรู้สึกไม่ใช่ สัปดาห์เดียว ก็ต้องตีตัวออกมาแล้ว ซึ่งตนเองศรัทธาและเชื่อในความรักที่ทำให้ตนเองกับอดีตพระกาโตะได้คุยกันต่อ แม้ตอนนี้จะไม่รู้ว่าอดีตพระกาโตะคิดอย่างไร แต่ยอมรับว่าค่อนข้างตกใจที่ได้ยินอดีตพระกาโตะ บอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับตนเอง
จนนถึงตอนนี้ค่อนข้างทำใจได้แล้ว เพราะรู้ตัวว่าเป็นไปไม่ได้ด้วยอายุ ความสัมพันธ์ และอะไรหลายๆที่เป็นไปไม่ได้ ตนเองงจึงเลือกเฟดตัวออกมา และมาทำในสิ่งที่ถูกต้องที่มันติดอยู่ในใจตนเอง พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหว เพราะต้องการให้อดีตพระกาโตะสึกมาอยู่ด้วยกัน
ส่วนประเด็นที่อดีตพระกาโตะ บอกว่าตนเองมี พฤติกรรมยั่วยวนก่อนนั้น ยืนยันว่าทุกครั้งที่ไปเจอกัน ตนเองอยู่ในอาการสำรวมตลอด และแต่งกายมิดชิด ได้สังเกตสายตา ของอดีตพระกาโตะตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปทำบุญ รู้สึกว่าเขามองตามเราตลอด
แล้วเหตุการณ์ที่ออกไปเขื่อนด้วยกันสองคนตอนสี่ทุ่ม ขอยืนยันว่าอดีตพระกาโตะย้ำกับตนเองทุกครั้ง ว่ามีเจตนาดี ไม่บาป ซึ่งตนเองก็เชื่อในคำพูดของอดีตพระกาโตะ ซึ่งตอนที่อยู่บนรถแล้วไปนวดนั้น ตนเองได้ถามว่าบาปมั้ย อดีตพระกาโตะบอกว่า ไม่บาป แต่ความรู้สึกตนเองก็รู้ว่าบาป แต่อดีตพระกาโตะก็บอกอีกว่า เจตนาดี ไม่เป็นไร แล้วเขาก็เปิดหลังให้จับ
ขณะที่กรณีที่มีสัมพันธ์สวาทกันในรถ คือเรื่องจริงใช่หรือไม่ ตองยอมรับว่า คือเรื่องจริง ส่วนใครเริ่มก่อนขอไม่พูด เพราะทุกอย่างผ่านไปหมดแล้ว ส่วนกรณีเงิน 300,000 บาท ที่ได้มาจากอดีตพระกาโตะ ตนเองจะไม่คืนแต่จะเอาไปทำบุญ ซึ่งตนเองไปรับเงินก้อนนี้ จากคนที่นำมาให้อ้างว่าเป็นพ่อบุญธรรมของอดีตพระกาโตะ โดยเป็นเงินที่เอามาให้เพื่อไปรักษาตัว ให้ด้วยความเอ็นดูและความเสน่หา แต่พอนักข่าวถามว่า ให้เงินเพราะปิดข่าวเรื่องนี้หรือไม่ ตองบอกว่า อันนี้ก็ตอบไม่ได้
กรณีกระแสสังคมที่บอกว่าอดีตพระกาโตะ ให้เงินและข้าวของแก่ตนนั้น ยอมรับว่าให้จริง เพราะช่วงนั้นเป็นการพูดคุยกันในสถานะที่คุยกันได้ทุกเรื่อง และเมื่อไหร่ที่ตนมีปัญหา เขาจะเสนอเข้ามาช่วยเหลือ และเป็นการคุยกันของคนสองคนเท่านั้น แต่เขาจะเอาไปพูดต่อในลักษณะแบล็คเมล์หรือไม่ ตนก็ไม่ทราบ แต่ส่วนตัวขอยืนยันว่าที่ออกมาแฉนั้น ไม่ใช่เพราะ อดีตพระกาโตะ ไม่ให้เงินตามที่ตนต้องการ แต่เป็นเพราะต้องการทำสิ่งที่ถูกต้องส่วนเรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งนอกเหนือ จากครั้งในรถนั้น ตนขอยังไม่ตอบ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและมองว่าเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว
น.ส.ตอง ยังได้ยอมรับกับครหาที่ว่าหญิงก็ชั่ว ชายก็เลว พราะวันนี้ตนได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว อย่างน้อยสิ่งที่ตนทำ มันทำให้ทุกคนได้รู้ ได้ตาสว่างว่าในวงการสงฆ์มีพระแบบนี้อยู่จริงๆ และตนไม่สามารถโกหกใครต่อได้
แล้วที่อดีตพระกาโตะบอกในรายการว่ารู้สึกแค้นตนนั้น ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกอะไร กลับกันคือรู้สึกโล่งมากกว่าที่ได้ทำความดีด้วยความตั้งใจตามที่รอคอยมาตลอด อาจจะรู้สึกอึ้งบ้างที่เขาบอกว่าที่ผ่านมามันไม่ใช่ความรัก เพราะเคยผ่านการบอกรัก บอกคิดถึงกันเสมอ ถึงขั้นที่เรียกตนว่าภรรยา ด้วยซ้ำ ดังนั้น ณ ตอนนี่มันไม่เหลือความรู้สึกดีให้แล้ว
ทั้งนี้ในประเด็นของการรู้จักกับพระย้อย เจ้าตัวบอกว่ารู้จักกันผ่านเฟซบุ๊ก ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว และช่วงหนึ่งที่รู้สึกอ่อนแอกับเรื่อง อดีตพระกาตืสิ่งเดียวที่คิดในตอนนั้น ซึ่งมองว่าสามารถยึดเหนี่ยวจิตใจได้คือพระ แล้วเห็นว่าเฟซบุ๊กของ “พระย้อย” มีเรื่องของธรรมะบ่อย ก็เลยตัดสินใจลองคุย เพราะหวังว่าจะทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น และยอมรับว่า พระย้อยพยายามจะโทรมาสอบถามเรื่องอดีตพระกาโตะในช่วงตี 3 ตี 4 แต่ด้วยความที่ตนกินยารักษาโรคประจำตัวอยู่ นั่นคือโรคซึมเศ้ราที่เป็นมา 11 ปี
สำหรับการรักษาอาการป่วยส่วนตัว เมื่อเดือนธันวาคม 2564 ตรวจพบว่าเป็นไบโพล่ากับภาวะแมเนียหรือภาวะอารมณ์ดีผิดปกติ ทำให้ตนมีอารมณ์รุนแรงเมื่อถูกขัดใจ แล้วจะทำร้ายคนรอบข้างแต่จะไม่ทำร้ายตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมามีแม่ที่คอยพาตนไปวัดเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจ หลังจากนี้ การดำเนินชีวิตต่อก็คงจะเดินหน้าทำบุญกับ อุ๊บ-วิริยะ พงษ์อาจหาญ ซึ่งเป็นน้าคนหนึ่งที่เลี้ยงดูตนมาตั้งแต่เกิด
อักทั้งรู้จักกับแม่ของใบตองมานานแล้ว เห็นใบตองตั้งแต่เล็กจนโต นอกจากนี้ยังได้ปั้นน้าชายของใบตองเป็นนายแบบอีกด้วย วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจใบตอง ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ใบตองจะผิดด้วย แต่ใบตองออกมายอมรับผิด พูดความจริงทุกอย่าง ส่วนตัวก็พร้อมที่จะปกป้อง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ใครผิดก็ว่าไปตามผิด
หากทราบเรื่องตั้งแต่แรกจะห้ามปราม เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ดีไม่งาม แต่จะมาโทษใบตองคนเดียวก็ไม่ได้ ต้องโทษฝ่ายชายด้วยตบมือข้างเดียวมันก็ไม่ดัง
