“ภัชริ ไทยสร้างไทย” เตือนรัฐบาล หลังสหรัฐลุยเก็บภาษีจากไทย 19% ทุกสินค้านำเข้า ระบุเสี่ยงสูญรายได้หลายแสนล้าน อิเล็กทรอนิกส์-เกษตรเจ็บหนัก GDP สะดุด คนตกงานพุ่ง เรียกร้องเร่งกระจายตลาดลดการพึ่งพาอเมริกา
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายภัชริ นิจสิริภัช เหรัญญิกพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยจะเผชิญ หลังจากสหรัฐอเมริกาประกาศใช้อัตราภาษีนำเข้าแบบใหม่ที่ กำหนดขั้นต่ำ 19% กับสินค้าทุกประเภทจากประเทศไทย โดยไม่มีข้อยกเว้น แม้ในอดีตสินค้าบางชนิด เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะได้รับการยกเว้นภาษีหรือเสียในอัตราเฉลี่ยเพียง 6% เท่านั้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีผลทันที และคาดว่าจะส่งแรงกระแทกต่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในหลายภาคส่วน
“ไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาเศรษฐกิจภายนอกสูงถึง 75% การที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าสินค้าอันดับหนึ่งของโลก และยังเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของไทย เปลี่ยนเงื่อนไขภาษีในลักษณะนี้ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อรายได้ของประเทศ” นายภัชริกล่าว
พร้อมระบุว่าในปี 2024 ไทยส่งออกไปยังสหรัฐคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.9 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 18% ของการส่งออกทั้งหมดของประเทศ และมีมูลค่าคิดเป็นกว่า 13% ของ GDP ไทย ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก
ที่ผ่านมา ไทยได้ดุลการค้าจากสหรัฐฯ กว่า 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าดุลการค้าที่ไทยได้รับมากที่สุดจากประเทศใดประเทศหนึ่งในโลก หากอัตราภาษีใหม่นี้มีผลถาวร ยอดส่งออกที่เคยสร้างรายได้มหาศาลนี้อาจลดลงหลายแสนล้านบาท และดุลการค้าที่ไทยเคยได้เปรียบจะหายไปในสัดส่วนมาก เนื่องจากสินค้าไทยจะมีต้นทุนสูงขึ้นทันที 19% หากไม่สามารถปรับราคาให้แข่งขันได้ ย่อมทำให้ยอดขายลดลงตามไปด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าหลักของไทยอย่าง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่แต่เดิมเสียภาษี 0% แต่จะถูกเก็บในอัตรา 19% ทันที ถือเป็นแรงกระแทกต่อภาคอุตสาหกรรมที่พึ่งพาตลาดอเมริกาอย่างมาก ขณะเดียวกัน การเจรจาในรอบนี้เปิดโอกาสให้สหรัฐฯ ส่งออกสินค้าเข้ามาไทยในอัตราภาษีต่ำลง โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตร เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว ซึ่งอาจเข้ามาตีตลาดไทยในราคาถูก ทำให้เกษตรกรไทยซึ่งต้นทุนสูงกว่า เสี่ยงเสียเปรียบจนถึงขั้นต้องเลิกอาชีพ
นายภัชริ ยังเตือนว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยอาจเผชิญภาวะปิดกิจการและเลิกจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น หากไม่สามารถรักษาตลาดสหรัฐไว้ได้ หรือไม่สามารถปรับราคาสู้คู่แข่งได้ การขยายตัวของ GDP ไทยที่คาดหวังจากการส่งออก อาจหยุดชะงักทันที และจะนำไปสู่ปัญหาการว่างงานเป็นลูกโซ่ โดยประเมินว่ามูลค่าการส่งออกที่ลดลงอาจมากถึงหลายแสนล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นภาระที่กระทบทั้งประเทศในวงกว้าง
นายภัชริระบุว่า ยังแม้จะมีข่าวดีด้านตัวเลขภาษีบ้าง แต่ที่น่ากังวลคือการรับมือโครงสร้างเศรษฐกิจที่จะเปลี่ยนไปภายในประเทศพร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหามาตรการรับมือด้านการค้า ทั้งเชิงนโยบายภาษี สนับสนุนผู้ประกอบการ และกระจายตลาดส่งออกไปยังประเทศอื่นอย่างจริงจัง เพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ เพียงประเทศเดียวในระยะยาว
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS