เพจดัง โพสต์เดือด ปมการเข้าเวรของหมอจบใหม่ ชี้ สมองของหมอที่เวรทั้งคืน แล้วต้องรักษาคนไข้ต่อ ไม่ต่างจากคนเมาเหล้า อาจเกิดข้อผิดพลาด
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า เพจ Drama-addict โดยนพ.วิทวัส ศิริประชัย โพสต์ข้อความผ่ายเฟซบุ๊ก ระบุว่า
การที่หมอเข้าเวรเป็นเวลาต่อเนื่องนานๆ ได้นอนคืนละชั่วโมงสองชั่วโมง
ไม่ใช่เรื่องน่าชื่นชม ไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามายกย่องว่าหมอที่ทำแบบนั้นเสียสละ
แต่มันคือความน่าสังเวชของการแพทย์บ้านเรา ที่เอาเด็กจบใหม่มาอยู่เวรเหมือนวัวควาย
จริงๆเทียบกับวัวควายยังถือว่าเบาไป เพราะวัวควายยังไม่มีเข้าเวรกันโหดแบบนี้ แต่หมอไทยทำกันมานานแล้ว
การเข้าเวรต่อเนื่องนานนานจะทำให้สมองของแพทย์คนนั้นอ่อนล้า ต่อให้ตอนปกติทำงานดียังไงแต่เมื่อร่างกายไม่ไหวก็จะพลาดเข้าสักวัน สมองของหมอที่อยู่เวรต่อเนื่องทั้งคืนแล้วมารักษาคนไข้ต่อไม่ได้หลับนอนนั้นไม่ต่างอะไรกับคนเมาเหล้า
ถ้าสังคมประณามคนที่ เมาแล้วขับ เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทำให้คนล้มตาย ทำไมถึงมีคนไปชื่นชมหมอที่เหมือนคนเมาแล้วมารักษาคนไข้ว่าเป็นคนเสียสละทั้งที่มันเป็นความเสี่ยงกับทั้งตัวหมอและคนไข้เอง และเสี่ยงที่จะทำให้คนไข้ตายเหมือนกัน
คำถามง่ายง่ายคือคุณกล้านั่งรถที่คนขับเมาแอ๋ไหม
ถ้าไม่กล้าเพราะกลัวตายแล้วคุณกล้าที่จะให้หมอที่นอนหลับเพียงแค่วันละ 1 ชั่วโมงมารักษาคุณหรือไม่
เมื่อการรักษาผิดพลาดเกิดขึ้น หมอคนนั้นย่อมถูกตำหนิจากทั้งผู้บริหารถูกครอบครัวของคนไข้ดำเนินคดี คนที่เคยอวยว่าหมอคนนั้นเสียสละจัง ทำงานหนักนอนน้อย ก็หายหัวไปหมดไม่มีใครช่วยเหลือเค้าเลย ในเวลาที่เกิดปัญหาขึ้น
หรือเลวร้ายที่สุด คือหมอเข้าเวรต่อเนื่องนานนานสุดท้ายขับรถหลับในพุ่งชน เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตหรือพิการตลอดชีวิต คนได้รับผลกระทบตามมาคือครอบครัวของหมอไม่ใช่คนที่ไปอวยหมอเหล่านั้นว่าเสียสละ
หากต้องการช่วยเหลือหมอที่ดีและเสียสละให้คนไข้จริง เราต้องไม่ romanticize เรื่องแย่แบบนี้ ว่าเป็นการเสียสละของหมอ แต่ต้องหาทางแก้ไขปัญหาให้หมอมีชั่วโมงการทำงานที่น้อยลงและมีเวลาพักผ่อนมากขึ้นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สมัยก่อนตอนจ่าเจอปัญหาแบบนี้ก็เคยเจอผู้บริหารแก่แก่บอกว่าโอ้ยสมัยผม เมื่อ 10 กว่าปีก่อนก็เคยอยู่เวรต่อเนื่องแบบนี้ไม่เห็นมีอะไรเลย เด็กสมัยนี้ทำไมทนไม่ได้ไม่มีความเสียสละเอาเสียเลย
ฟังแล้วแทบอยากเอาตีนไปกระทุ้งปากผู้บริหารท่านนั้น เพราะบริบทมันแตกต่างกัน 10 ปีก่อนประชากรไม่ได้เยอะขนาดนี้คนไข้ก็ยังไม่ได้ล้นโรงพยาบาลขนาดนี้ และการที่ตัวเองเคยเจอเรื่องแบบนี้แล้วจะให้เด็กรุ่นต่อไปต้องเจอเหมือนเหมือนกันแทนที่จะเอาปัญหาเหล่านั้นไปแก้ไขถือว่าใช้ไม่ได้
พ่อแม่พี่น้องในวงการแพร่ดและพยาบาลใครเคยเจอเรื่องแบบนี้บ้างมาเม้าท์มอยกันฟังได้เผื่อพวกผู้บริหารมาเห็นจะได้รู้ว่าการ romanticize เรื่องราวแบบนี้มันงี่เง่าขนาดไหนก
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS
