ลูกเกด ชลธิชา ชี้ ภายใน 4 เดือนก่อนยุบสภาฯ รัฐบาลอนุทินสามารถยกระดับ สิทธิมนุษยชน และฟื้นฟูกระบวนการยุติธรรมและหลักนิติธรรมขึ้นมาได้
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเอ็กซ์หรือทวิตเตอร์ ระบุว่า
ดิฉันผิดหวังเป็นอย่างยิ่งที่ คำแถลงนโยบายของรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่มีคำว่า “สิทธิมนุษยชน” แม้แต่คำเดียว และน่าเสียดายที่รัฐบาลชุดนี้ ไม่แสดงเจตจำนงทางการเมือง ในการผลักดัน สานต่อ และกำหนดทิศทางนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนไทยอย่างจริงจัง
หลังจากที่ผ่านมาไทยเผชิญกับทั้งการคุมขังนักกิจกรรมทางการเมืองเพิ่มขึ้น การพรากสิทธิการประกันตัว การฟ้องปิดปากผู้มีส่วนร่วมเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลนายอนุทินต้องตอบสังคมให้ได้ว่า รัฐบาลนี้มีจุดยืนต่อเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างไร รวมถึง จะฟื้นคืนความน่าเชื่อและความเชื่อมั่นของประชาชนและเวทีโลก ต่อหลักนิติธรรม และต่อกระบวนการยุติธรรมในภาพรวมอย่างไร
ดิฉันขอชื่นชม ที่รัฐบาลนายอนุทินจะสานต่อการผลักดันให้ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก OECD และเร่งบรรลุข้อตกลงทางการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป แต่การจะทำเช่นนั้นได้ ไทยต้องยกระดับมาตรฐานอย่างจริงจัง ไม่เพียงแค่มาตรฐานทางเศรษฐกิจ แต่ต้องแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในค่านิยมหลักขององค์กร ซึ่งหมายรวมถึงประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และหลักนิติธรรมด้วย
ดิฉันเชื่อว่า ระยะเวลา 4 เดือนของรัฐบาลอนุทิน เป็นไปได้ที่จะเอาจริงเอาจังกับการยกระดับสิทธิมนุษยชน และฟื้นฟูกระบวนการยุติธรรมและหลักนิติธรรม โดยสานต่องานที่ได้มีการริเริ่มไว้แล้ว เช่น
การสานต่อนโยบายเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (Business and Human Rights) โดยการผลักดันร่างกฎหมาย Human Rights Due Diligence : HRDD (การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน) ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ทำร่างไว้แล้ว และจะเป็นอีกหนึ่งในหลายกฎหมายสำคัญเพื่อเปิดทางเข้าสู่ OECD
การผลักดันกฎหมายป้องกันการดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมของสาธารณะ หรือกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก (Anti SLAPPs) ซึ่งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้ทำร่างไว้แล้ว และดิฉัน พร้อมเพื่อน สส.พรรคประชาชน ก็ได้ยื่นร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสภาเป็นที่เรียบร้อย จึงหวังว่ารัฐบาลจะสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้
รวมไปถึง การพัฒนาระบบราชทัณฑ์ไทย ตามหลักสิทธิมนุษยชน และมาตรฐานสากล เพื่อแก้ปัญหาเรือนจำแออัด ดิฉันขอฝากต่อรัฐบาล ให้ประกาศบังคับใช้การคุมขังนอกเรือนจำ สำหรับผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ตามกฎหมาย ป.วิอาญา มาตรา 89/1 ซึ่งขณะนี้กระทรวงยุติธรรมได้จัดทำร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ รัฐบาลต้องมีแนวทางแก้ปัญหาผู้ต้องขังทางการเมือง เพื่อฟื้นคืนความสมานฉันท์ในสังคม และไม่สนับสนุนการคุกคามผู้เห็นต่างทางการเมืองในทุกกรณี โดยถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และต้องไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใดสนับสนุนการกระทำดังกล่าว ดังที่เคยเกิดขึ้นในสภาอีก
ดิฉันยังกังวล ถึงบทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่อาจมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ สว. ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาทุจริตการเลือกตั้ง สว. ปี 67 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) หน่วยงานใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมโดยตรง ดังนั้น รัฐบาลต้องชี้แจงและพิสูจน์ให้สาธารณชนเห็นว่า ได้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอนในทุกคดี อย่างโปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแท้จริง
สุดท้ายนี้ ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลนายอนุทิน จะไม่ดึงมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนไทย ดิ่งลงเหวไปมากกว่าเดิม และรัฐบาลจะยกระดับสิทธิมนุษยชนไทยอย่างจริงจังและเร่งด่วน
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS