Connect with us

News

ปีใหม่ก่อนเริ่มงาน!! ทนายบุญถาวร เผย ผมมีเรื่องเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์สอนใจกับพี่น้องประชาชน !!

Published

on

ทนายบุญถาวร เล่า ทีมงานที่เคยเบี้ยวเงินผมทั้ง2คนไปรับงานทำคดีให้กับนักการเมืองคนหนึ่งและไปทำงานไม่สำเร็จหลอกเอาเงินเขาไปเกือบ10ล้านบาทสุดท้ายผมทราบว่าทั้งสองคนหายสาบสูญ

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า วันที่ 1 ม.ค.2567 นายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ ทนายบุญ ไขข่าวคลายปัญหา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ปีใหม่ 2567 ก่อนเริ่มต้นทำงานกัน ผมมีเรื่องเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์สอนใจกับพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบวิชาชีพต่างๆเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน..!

ข่าวก่อนวันปีใหม่ตำรวจใช้ปืนยิงเสี่ยคนหนึ่งเสียชีวิตบนทางด่วน(ขออภัยที่อ้างถึง)

การทำงานไม่ว่าจะทำอาชีพใดก็ตามขอให้ยึดหลักสุจริตตามกฏหมายป.พ.พ.มาตรา 5

“ในการใช้สิทธิแห่ง ตนก็ดีในการชำระหนี้ก็ดีท่านว่าบุคคลทุกคนต้องกระทำโดยสุจริต”

โดยสุจริตคือจะต้องไม่กระทำโดยทุจริตหรือปราศจากการทุจริตทุกรูปแบบ..!

ความซื่อสัตย์และซื่อตรงต่อวิชาชีพสำคัญที่สุดผมผ่านประสบการณ์ในการทำงานต่างๆมาแล้วเป็นระยะเวลากว่า25ปีในวิชาชีพนักกฏหมาย/ทนายความ(โหด เลว ดี)ในการทำงานมีครบถ้วนกระบวนความไม่ว่าดีหรือไม่ดี(ยังแอบดีใจว่าตนเองมีชีวิตผ่านมาได้อย่างไร)สิ่งสำคัญที่สุดของคนเราไม่ว่าตนเองจะเลวร้ายขนาดไหนขอให้มีจิตสำนึกในความดีหรือการกระทำดีถือว่าประเสริฐที่สุดแล้วหากจะให้พูดเป็นภาษานักเลงคือ..โจรกลับใจ..ครั้งหนึ่งผมเคยรับงานอยู่เรื่องหนึ่งมูลค่าเงินกว่า20ล้านเงินคงเหลือจากค่าใช้จ่าย5ล้านบาท

แต่ต้องแบ่ง3ส่วนผมไม่ได้รับส่วนแบ่งหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า”ถูกเบี้ยว“ค่าแรงงาน เขาบอกว่าเงินที่เหลือเล่นการพนันหมดแล้วไม่มีเหลือแบ่งให้ผมและขอติดหนี้ผมไว้ก่อน ผมกดดันมากผมเก็บความแค้นสะสมพร้อมที่เอาปืนไปยิงทีมงานให้ตายครุนคิดอยู่นานหลายวันผมตัดสินใจว่า”ไม่เอาเงินแล้ว” จึงโทรศัพท์ไปบอกทีมงานว่า”ช่างมันเถอะผมไม่เอาแล้ว“(ในใจเวลานั้นคิดได้ว่าเกรงเขายิงทิ้งเพื่อให้หนี้สูญเพราะว่าเดินทางสายนักเลง/มาเฟีย)

ต่อมาเวลาผ่านพ้น2ปีทีมงานที่เคยเบี้ยวเงินผมทั้ง2คนไปรับงานทำคดีให้กับนักการเมืองคนหนึ่งและไปทำงานไม่สำเร็จหลอกเอาเงินเขาไปเกือบ10ล้านบาทสุดท้ายผมทราบว่าทั้งสองคนหายสาบสูญและหายไปจากวงการจนปัจจุบันเป็นเวลากว่า20ปี (น่าจะโดนสั่งเก็บฝั่งกลบแถวๆชายแดน)

ชีวิตมนุษย์ความจริงเกิดมาบริสุทธิ์ขาวสะอาดนับแต่แรกเกิดไม่มีกิเลสอะไร พอเรียนรู้ที่จะพูดได้และศึกษาเล่าเรียนเขียนอ่านออกแต่งงานมีครอบครัว”ความอยาก“ทำให้เกิดเป็นกิเลสและต้องดิ้นรนเพื่อชีวิตทำให้เกิดความโลภกันมากมายก่ายกอง..!

ผมอายุ51ปีย่าง52ปี ถ้าหากจะบอกว่า”หมดไฟ“คงไม่ใช่แต่ถ้าจะบอกว่า”เข้าใจชีวิตมนุษย์มากขึ้นน่าจะใช่“อย่าไปคิดและทำอะไรไม่ดีเพื่อให้ตนได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ไปเบียดเบียนคนอื่น

ผมเคยตั้งปณิธานกับตัวเองว่า”ช่วงปั้นปลายชีวิตจะใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและคืนกำไรให้กับสังคมและเขียนหนังสือแนวประสบการณ์ชีวิต“เพื่อเป็นคติเตือนใจผู้คนที่ยังไม่เข้าใจชีวิต..!

ไม่ว่าอาชีพอะไรก็ตามขอให้ยึดหลัก”..สุจริต..“หากสุจริตแม้ตายไปก็ยังสุจริต ไม่ใช่ตายไปแล้วความทุจริตจะจบสิ้นไปกับความตายนะครับ(ดูข่าวสารที่เกิดขึ้นเป็นตัวอย่าง)

การตายมี2อย่างคือตามแบบธรรมชาติ(เจ็บป่วยหรือแก่ตายเพราะอายุขัย)หรือตายแบบผิดธรรมชาติ(โดนฆ่าตาย) เหตุอาจถูกจ้างให้ฆ่า(เอาไปคิดคดีดัง)

คนที่ถูกหลอกถูกโกงก็จะเกิดความเครียดแค้นก็สามารถที่จะกระทำกับคนที่หลอกลวงต้มตุ่นตนเองได้นะ..!

กฏแห่งกรรมสำคัญกว่ากฏหมาย ในดีมีเลวในเลวมีดีแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของใจตนขอให้มีจิตใจสำนึกในการกระทำความทรงจำการกระทำที่ไม่ดีต้องเลิกและปรับปรุงตัวเองให้รู้จัก”ความละอายต่อบาป“ถือว่าเรามีจิตสำนึกที่ดีแล้ว

ผมเอามาเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์สอนใจบางทีเราต้องรู้จักเอาตัวรอดดีกว่าไปดันทุรังหากวันนั้นผมยังยืนยันที่จะเอาส่วนแบ่ง1ใน3ของเงินจำนวน5ล้านผมอาจจะถูกยิงทิ้งและตายไปแล้วหรือไปรับงานคดีร่วมกับทีมงานอีก2คนและทำงานไม่สำเร็จและโดนสั่งเก็บไปแล้วก็ได้..!

ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนแต่ที่แน่นอนนั้นคือทุกคนหนีความจริงไปไม่ได้คือทุกคนต้องตายไม่มีใครอยู่เหนือความตายไปได้ดังนั้นขอให้ทำตนให้มีความสุขทุกวินาทีและอย่าทุกข์เพราะว่าคิดผิดเด็ดขาด

ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาทและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีคุณค่าและทำตนเพื่อให้สังคมจดจำในสิ่งที่ดีงามตลอดไปและตลอดกาล

ปีใหม่2567 ขอให้เพื่อนพ้องน้องพี่และพรรคพวกมิตรสหายจงดำเนินชีวิตไปด้วยความสุขและมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์และหากว่างก็แวะเวียนมาพบปะสังสรรค์กันนะครับ

ด้วยความรักและผูกพัน

คิดดีพูดดีทำดี ทนายบุญ   ไขข่าวคลายปัญหา
        1 มกราคม 2567

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: