รีวิวแอนิเมชั่นครอบครัวสุดฮา The Mitchells vs. the Machines

กลายเป็น แอนิเมชั่น น่าจับตามองของปีนี้ คู่กับ Raya เลยก็ว่าได้ สำหรับแอนิเมชันเรื่อง The Mitchells vs. the Machines ของ Sony studio ที่ทำให้คนที่ได้ดูไม่ว่าจะเป็นใคร รุ่นไหน วัยไหน ก็ต้องตกหลุมรักแอนิเมชันเรื่องนี้ ด้วยวิธีการร้อยเรียงเรื่องราว ผสมผสานกับมุกตลก และ Filter ที่สอดแทรกอยู่ภายในเรื่อง ซึ่งแอดดูแล้วก็ได้รวบรวมสิ่งที่แอดได้มาให้ทุกคนได้อ่านกัน  

. 

เราอาจไม่ได้เพอร์เฟ็คแต่เราคือครอบครัว 

เป็นเรื่องปกติที่เรามักจะชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เหมือนกับที่ ‘ลินดา’ แม่แห่งบ้าน Mitchells ทำที่เปรียบเทียบกับบ้านอื่นที่ดูจะเป็นบ้านที่เพอร์เฟ็ค มีพ่อแม่ลูกที่เป็นแบบอย่างของครอบครัวในฝันตามที่เธอคิด แต่แอดอยากจะบอกทุกคนว่า ‘ไม่มีความเพอร์เฟ็คบนโลกนี้หรอกค่ะ’และทุกอย่างไม่ได้เหมือนในสิ่งที่เราเห็นในโลกโซเชียลเสมอไป ทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่รอการค้นพบ วันหนึ่งเราอาจจะกลายเป็นใครสักคนที่สร้างสรรค์อะไรบางอย่างที่ไม่มีใครทำได้นอกจากเรา เหมือนกับบ้าน Mitchells ก็ได้  

อย่าดูถูกความฝันของเด็ก  

‘ริค’ ผู้เป็นพ่อมองว่าความฝันของ ‘เคที่’ เป็นเรื่องที่อาจทำให้เธอต้องล้มเหลวในอนาคต ซึ่งเป็นความหวังดีของผู้เป็นพ่อนั่นแหละ แต่ความหวังดีนั้น ก็สามารถทำร้ายความรู้สึกของลูกได้เช่นเดียวกัน ในยุคสมัยนี้แอดมองว่า ‘ความฝัน’ และเส้นทางการเดิน เป็นเรื่องที่เจ้าของฝันต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง พ่อแม่ ผู้ปกครองควรเป็นเบาะทรายคอยรองรับ support เมื่อพวกเขาล้มอยากดีที่สุด อย่ากลัวว่าเค้าจะล้มเหลวไม่ว่าความฝันนั้นจะเป็นแบบไหนก็ตาม เพราะวันหนึ่งสิ่งที่คุณมองว่ามันไร้สาระในตอนนี้ อาจกลายเป็นสมบัติล้ำค่าในวันข้างหน้า อย่างที่ ‘เคที่’ ได้ทำก็ได้  

อย่าเอาแต่โทษที่เทคโนโลยี ในเรื่องความสัมพันธ์  

หลายคนโทษเทคโนโลยีว่าเทคโนโลยีทำให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในครอบครัว หรือคนรอบข้างลดลง โทษว่าเทคโนโลยีเป็นผู้ร้าย แต่อยากจะให้มอบอีกด้านบ้างว่ามนุษย์เองนั่นแหละ ที่อาจเป็นปัญหา เทคโนโลยีหรือ Smart phone เป็นสื่อที่ช่วยให้เราได้สามารถเข้าถึงกันมากขึ้น ช่วยลดระยะห่างจากคนทางไกล เป็นคนทางใกล้ ทำให้เราได้เข้าถึงคนทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย ไปจนถึงการสร้างสรรค์ส่ิงต่างๆ ได้ผ่านปลายนิ้ว แต่เราเองหรือเปล่าที่เป็นคนละเลยความสัมพันธ์ต่างๆ ในเรื่องก็ได้แอบกัดเล็กๆ ว่า 90% ของผู้ใช้ละเลยครอบครัวตัวเอง โดยการไม่รับสายโทรศัพท์แม่ ทั้งที่เอาแต่พูดว่าขอบคุณที่แม่ให้กำเนิดมา ดังนั้นหันมาใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์นะคะ ใช้เพื่อให้เราได้เข้าใกล้กันมากขึ้น และเพิ่มความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น  

ตกเทรนด์บ้างก็ดีเหมือนกัน  

 ‘ริค’ ผู้เป็นพ่อที่ไม่ประสีประสาอะไรเรื่องเทคโนโลยีเลย และมองว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ยากและน่ากลัว เขาไม่เคยแม้แต่จะรู้จัก Youtube และไม่เข้าใจเทรนด์อะไรเลย แต่ขณะเดียวกันเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ชีวิต การเอาตัวรอด พกไขควงไปด้วยทุกที่เผื่อฉุกเฉิน แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ในยุคที่ทุกคนพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นหลัก คนที่ไม่รู้เทคโนโลยีอะไรเลยคนนี้กลายเป็นผู้ช่วยโลกและอยู่รอดได้ แอดอยากทุกคนลองเว้นระยะห่างจากมือถือดูบ้าง ห่างจากไวไฟ และออกมาใช้ชีวิตจริงดู และเราจะได้ค้นพบโลกอีกกว้างที่เรายังไม่เคยได้รู้จัก 

อย่าบูลลี่มอนชิ 

‘มอนชิ’ หมาปั๊กที่หน้าตาผิดแปลก จนกลายเป็นอาวุธที่ทำให้หุ่นยนต์ถึงกับระบบรวน ไม่รู้ว่าน้องเป็น หมา หมู หรือขนมปังแถว แต่อยากจะบอกว่า เอกลักษณ์ของน้องเนี่ยแหละค่ะ ที่มัดใจคนดูอย่างเราได้เป็นอย่างดี และกลายเป็นนักแสดงนำคนสำคัญที่ทำให้หนังของ ‘เคที่’ มีเอกลักษณ์เช่นเดียวกัน  

. 

The Mitchells vs. the Machines เป็นเรื่องราวที่เล่าถึงความแปลก วุ่นวายไม่เหมือนใครของครอบครัว Mitchells เมื่อลูกสาวคนโต ‘เคที่’ สอบติดมหาวิทยาลัยภาพยนตร์ในฝันตามที่เธอต้องการ และต้องย้ายเข้าหอซึ่งอยู่ห่างไกลจากบ้าน ‘ริค’ ผู้เป็นพ่อที่หลงไหลในธรรมชาติและไม่เข้าใจเรื่องเทคโนโลยีอะไรเอาเสียเลย กลับไม่เห็นด้วยในเส้นทางเดินของลูกจนทำให้เกิดการทะเลาะกัน ‘ลินดา’ ผู้เป็นแม่ที่ต้องเป็นคนกลางในการเชื่อมความสัมพันธ์จึงได้พยายามเกลี้ยกล่อมสถานการณ์​ เมื่อถึงวันเดินทางเข้าหอ ริค ได้ตัดสินใจพาครอบครัวไป road trip เพื่อกระชับความสัมพันธ์​ โดยหอบหิ้ว ‘แอรอน’ น้องชายผู้คลั่งรักไดโนเสาร์ และ ‘มอนชิ’ หมาปั๊กที่เป็นอาวุธ (เพราะอะไรดูได้ในแอนิเมชัน) ไปด้วย แต่เหมือนว่า Road trip นี้จะไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะจู่ๆ หุ่นยนต์ก็ก่อปฏิวัติและพยายามจะยึดครองโลกโดยส่งมนุษย์ทุกคนไปอวกาศ ทำให้บ้าน Mitchells ซึ่งเป็นมนุษย์กลุ่มสุดท้ายที่เหลือรอดต้องพยายามปกป้องโลกเอาไว้  

. 

พลาดไม่ได้เลยจริงๆ นะคะสำหรับแอนิเมชั่นครอบครัวสุดฮา เรื่องนี้แอดให้เป็นเรื่องที่ดีที่สุดของปีนี้ในเวลานี้เลย ได้ทั้งเสียงหัวเราะ น้ำตา และข้อคิดในการใช้ชีวิต สามารถรับชมได้ทาง Netflix นะค้า 

.

อ้างอิง

Facebook page : Duriancorp