Connect with us

Sports

หงส์แดง โชว์ฟอร์มเทพ สยบ ทีมเรือใบสีฟ้า 3-2 ผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลเอฟเอคัพ

Published

on

โดยในครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำห่างไปก่อน 3-0 ก่อนที่ครึ่งหลัง แมนฯซิตี้ จะมาทวงประตูคืน
ได้ 2 ประตู ช่วง 5 นาทีสุดท้ายของเกมส์ แฟนบอลของทั้งสองทีม ต้องลุ้นกันแทบหัวใจวาย
แม้ทีมเรือใบสีฟ้า จะโหมบุกอย่างหนัก หวังประตูตีเสมอ แต่เมื่อจบเกมส์ ชัยชนะก็ตกของ ลิเวอร์พูล

ศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ ของอังกฤษ รอบรองชนะเลิศ คู่แรกลงสนามเตะกันเมื่อคืน
วันเสาร์ที่ 16 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา โดยลงเตะกันที่สนาม เวมบลี่ย์ เป็นการพบกันระหว่าง
ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก “ทีมเรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ ทีมรองจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีก
อย่างทีม “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล 

ทีมเรือใบสีฟ้า ต้องใช้ผู้เล่นสำรองหลายตำแหน่ง หลังจากต้องกรำศึกหนักในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
จอมทัพอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ มีชื่อสำรอง ปราการหลังคนสำคัญอย่าง ไคล์ วอคเกอร์ ไม่ได้ลงสนาม
โดยเกมส์ในนัดนี้ แมนฯซิตี้ ลงสนามในระบบ 4-2-3-1 มี แซค สเตฟเฟ่น ยืนเฝ้าเสา แผงหลังมี
เฌา กานเซโล่, จอห์น สโตนส์,นาธาน อาเก้ และ โอเล็กซานเดร์ ซินเชนโก้ กลางต่ำมี เบอร์นาร์โด้ ซิลวา,
เฟอร์นานดินโญ่ กลางแนวรุกมี ฟิล โฟเด้น, เกเบรี่ยล เฌซุส และ แจ็ค เกรียลิช ช่วยสร้างเกมส์รุก
ส่วน ราฮีม สเตอร์ลิง ยืนเป็นหน้าเป้า 

ส่วนทีม หงส์แดง ได้ปรียบในเรื่องตัวผู้เล่นที่สดกว่า เนื่องจากนักเตะตัวหลัก ได้พักในเกมส์ แชมเปี้ยนลีก
เมื่อกลางสัปดาห์ ส่งทีมชุดที่ดีที่สุดลงสนามในระบบ 4-3-3 มี อลิสซอน เบ็คเกอร์ ยืนเฝ้าเสา
แผงหลังมี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์,อิบราฮิม่า โกนาเต้,เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค
และแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แผงกองกลางมี นาบี เกอิต้า, ฟาบินโญ่, ติอาโก้ อัลคันธาร่า
ส่วนสามประสานในแดนหน้า มี โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, และ ลุยส์ ดิอ๊าซ คอยสนับสนุนเกมส์รุก
ส่วน ซาดิโอ มาเน่ ยืนเป็นหน้าเป้า

เริ่มเกมส์ในครึ่งแรก ทั้งสองทีมพยายามกดดันเกมส์รุกของอีกฝ่าย ด้วยการขึ้นมาไล่บอลกันตั้งแต่
แดนหน้า ทำให้จังหวะและโอกาสในการเข้าทำ ของแต่ละทีมมีไม่มาก โอกาสพาบอลไปจบสกอร์ แทบไม่มี

เกมส์เล่นกันมาถึงนาทีที่ 8 แฟนบอลของลิเวอร์พูลก็ได้เฮกันลั่นสนาม เวมบลี่ย์ จากจังหวะลูกเตะมุม
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดบอลลอยโด่งมาหน้าปากประตู อิบราฮิมม่า โคนาเต้ เทคตัวขึ้นโหม่งส่งบอล
เข้าไปตุงตาข่าย ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 9

นาทีที่ 17 ในขณะที่นายทวารของทีมเรือใบ แซค สเตฟเฟ่น กำลังครองบอลอยู่หน้าปากประตูตัวเอง
ก็ถูก ซาดิโอ มาเน่ วิ่งมากดดัน พุ่งมาจิ้มบอลจากเท้าของ สเตฟเฟ่น ปลิ้นเข้าประตูไป ลิเวอร์พูล
ได้ประตูนำห่างเป็น 2-0

เมื่อโดนนำห่าง ทีมเรือใบก็สูญเสียความมั่นใจไปพอควร ไม่สามารถครองบอลเพื่อทำเกมส์บุกได้
โอกาสยิงเข้ากรอบ แทบไม่มี ช่วงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ทีม”หงส์แดง” ก็มาได้ประตูออกนำห่าง
เป็น 3-0 จากจังหวะการทำเกมส์บุกขึ้นมาของทีมหงส์แดง ก่อนที่ ติอาโก้ จะตักบอลโด่งข้ามแนวรับ
แมนฯซิตี้ ออกมาทางขวา ซาดิโอ มาเน่ สับไกยิงด้วยลูกวอลเลย์แบบไม่ต้องจับ ส่งบอลพุ่งติดไซด์ก้อย
เบียดโคนเสาแรก เข้าประตูไปอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูลนำห่างเป็น 3-0 ในนาทีที่ 45
จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามหลัง ลิเวอร์พูล 0-3

เริ่มเกมส์ในครึ่งหลัง เล่นกันไปได้เพียงนาทีเศษๆ ทีม”เรือใบสีฟ้า” ก็มาได้ประตูตีไข่แตก จากจังหวะที่
เฟอร์นานดินโญ่ ตัดบอลได้ แล้วพาบอลขึ้นหน้า ก่อนจะส่งบอลต่อไปให้ เกเบรี่ยล เฌซุส พาบอล
ตัดเข้าใน แล้วจ่ายขวางหน้าปากประตูไปให้ แจ็ค เกรียลิช ทางเสาไกลสับไกยิงด้วยเท้าซ้าย บอลพุ่งเข้ากรอบ
เป็นประตู ช่วยให้ แมนฯ ซิตี้ ไล่ตามมาเป็น 1-3 ในนาทีที่ 47

นาทีที่ 53 ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จ่ายบอลเร็วไปให้ เกเบรี่ยล เฌซุส พาบอลชขึ้นหน้าทางฝั่งขวา แล้วกระชาก
บอลเข้าไปในเขตโทษ ในขณะที่กำลังจะง้างเท้ายิง ก็ถูก ฟาน ไดจ์ค กดดันจนยิงไปติด อลิสซอน เบ็คเกอร์

นาทีที่ 70 โอกาสทองของทีมเรือใบ เมื่อแจ็ค เกรียลิช พาบอลขึ้นหน้ามาทางฝั่งซ้าย แล้วจ่ายบอล
ทะลุช่องไปให้ เกเบรี่ยล เฌซุส หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับนายทวารหงส์แดง แต่จังหวะยิงไม่ดีพอ
บอลไปติดเท้า อลิสซอน เบ็คเกอร์ หลุดกรอบออกข้างเสาไกลไปนิดเดียว

จังหวะถัดมา ลิเวอร์พูล เกือบได้ลูกส้มหล่นเมื่อ โอเล็กซานเดร์ ซินเชนโก้ โหม่งบอลคืนหลังเบา
โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ วิ่งมาฉกบอลไปหาช่องยิง แต่บอลหลุดออกข้างตาข่าย ไปแบบเหลือเชื่อ

ช่วงท้ายเกมส์ ทั้งสองทีมเปิดเกมส์บุกเข้าใส่กันไม่ยั้ง ทีมเรือใบหวังทำประตูไล่ตามตีเสมอ เพื่อโอกาส
แก้ตัวในช่วงต่อเวลาพิเศษ ในขณะที่ทีมหงส์แดง ก็ต้องการรักษาความได้เปรียบจากประตูที่ขึ้นนำอยู่
โดยทีมหงส์แดง มีโอกาสได้ลุ้นประตูเพิ่มจากจังหวการะยิงของ ลุยส์ ดิอ๊าซ และ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์
แต่ก็ไม่ดีพอที่จะได้ประตูที่ 4

นาทีที่ 90 ของเกมส์ ทีม”เรือใบสีฟ้า” ได้โอกาสทองจากจังหวะออกบอลยาวขึ้นหน้า ไปทางฝั่งขวา
ริยาด์ มาห์เรซ วิ่งกวดตามมาเก็บบอลแล้วเลี้ยงไปจนสุกเส้นหลัง ก่อนจะหาจังหวะยิงแถวๆเสาแรก
บอลลอดขา อลิสซอน เบ็คเกอร์ ผ่านหน้าประตูไปถึงเสาไกล เบอร์นาร์โด้ ซิลวา วิ่งตามมายิง
ส่งบอลเข้าประตูไป ทีมเรือใบไล่ตามมาเป็น 2-3 ในนาทีที่ 90+1

ท้ายเกมส์ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทั้งสองทีมเปิดเกมส์บุกเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสพาบอลขึ้นไป
สร้างความหวาดเสียวกันอีกทีมละ 2 หน แต่ก็ไม่มีประตูเพิ่ม

จบเกมส์ ลิเวอร์พูล สามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 3-2 ผ่านเข้าไปสูรอบชิงชนะเลิศ
ฟุตบอล เอฟเอคัพ ประจำฤดูกาล 2021/2022 โดยจะเข้ารอไปพบกับผู้ชนะในรอบรองฯ อีกคู่
ระหว่าง ทีมเชลซี และ คริสตัล พาเลซ ซึ่งจะลงเตะกันในคืนวันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน 2565

ภาพจาก
https://twitter.com/ManCity
https://twitter.com/LFC

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: