Connect with us

Health

ระบบการออกกำลังกายเบา ๆ ของผู้สูงอายุญี่ปุ่น ที่แข็งแรงกว่าเพราะ “ทำเป็นกิจวัตรของเมือง”

Published

on

ถ้าพูดถึงการออกกำลังกาย เราอาจนึกถึงยิมหรือการวิ่งจ๊อกกิ้ง แต่สำหรับผู้สูงอายุญี่ปุ่น การออกกำลังกายคือ “ส่วนหนึ่งของโครงสร้างชีวิตประจำวัน” ไม่ใช่กิจกรรมเฉพาะเวลา และที่สำคัญ ไม่ใช่ความรับผิดชอบส่วนตัว แต่เป็นสิ่งที่ “เมืองออกแบบให้ทำได้ง่ายที่สุด”

การที่ญี่ปุ่นมีอัตราการล้ม การกระดูกหัก การป่วยเรื้อรังต่ำกว่าหลายประเทศ มาจากระบบที่ทำให้ผู้สูงอายุขยับตัวทั้งวันแบบไม่รู้ตัว เราจะค่อย ๆ แกะทีละแกนให้เห็นภาพชัด ๆ


1) Radio Taisō – ออกกำลังกายเช้าแบบชาติระดับ 15 ล้านคนต่อวัน

“เรดิโอไทโซะ (ラジオ体操)” ไม่ใช่กิจกรรมเช้าของเด็กประถมเท่านั้น แต่เป็นกิจวัตรของผู้สูงอายุทั่วประเทศ มีจุดแข็ง 4 อย่าง

  • ใช้เวลาแค่ 3 นาที
  • ไม่ต้องใช้อุปกรณ์
  • กระตุ้นข้อต่อกว่า 20 ส่วน
  • ปรับสมดุลแรงกล้ามเนื้อแกนกลาง

ที่สำคัญคือ ทุกสวนสาธารณะในญี่ปุ่นแทบจะมีวงออกกำลังกายตอนเช้า ซึ่งเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐมาจัด เพราะผู้สูงอายุรวมกลุ่มกันตั้งชมรม

ตัวอย่างเมือง: โยโกฮาม่า

มีจุดรวมตัว Radio Taisō มากกว่า 1,600 จุด กระจายทุกย่าน ทำให้ผู้สูงอายุเดินเพียง 3–5 นาทีจากบ้านก็ถึงที่ออกกำลังกายได้


2) เนินเล็ก ๆ + บันไดในเมือง = ระบบสร้างกำลังขาแบบธรรมชาติ

หลายเมืองญี่ปุ่นไม่ได้ราบเรียบ เช่น โตเกียวตอนเหนือ, โอซาก้า, และนารา มีเนินและบันไดจำนวนมาก เมืองไม่ได้ทำให้พื้นที่เรียบ แต่ทำทางเดินให้ปลอดภัย ทำให้ผู้สูงอายุได้ “ฝึกขา” ทุกวันโดยไม่รู้ตัว

ที่ญี่ปุ่นมีคำเรียกว่า Daily Incidental Exercise (DIE) คือการออกแรงที่เกิดจากชีวิตประจำวัน เช่น

  • เดินขึ้นบันไดสถานี
  • เดินขึ้นเนินไปซูเปอร์มาร์เก็ต
  • ลากของขึ้นบันไดบ้านสองชั้น
  • เดินข้ามสะพานลอยที่ออกแบบสโลปยาว ๆ

ทั้งหมดนี้ช่วยชะลอการฝ่อของกล้ามเนื้อขา (sarcopenia) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุให้ผู้สูงอายุล้มง่าย


3) “3,000 เมตรต่อวัน” กฎของแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูญี่ปุ่น

หลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเมืองที่มีผู้สูงอายุเยอะอย่าง คิตะคิวชูและฟุกุโอกะ มีกลุ่มแพทย์ที่แนะนำให้ผู้สูงอายุเดิน “3,000 เมตรต่อวัน” หรือประมาณ 4,200–4,500 ก้าว เพื่อรักษาระดับ VO₂max ในผู้สูงอายุ
ญี่ปุ่นเอากฎนี้ไปออกแบบเมือง เช่น

  • ทำสวนยาว ๆ ตามแม่น้ำให้เดินต่อเนื่องได้
  • สร้างสโลปเชื่อมอาคารแทนบันไดชัน
  • เพิ่มสวนสาธารณะเล็ก ๆ ทุก 400–500 เมตรเพื่อให้พักระหว่างทาง

นี่แหละจุดที่ทำให้คนญี่ปุ่นเดินเฉลี่ยมากกว่าหลายประเทศ


4) ชมรมออกกำลังกายในศูนย์ชุมชน (Community Hubs)

ญี่ปุ่นมี “ศูนย์ชุมชน” ในทุกละแวกบ้าน (มาจิไค) ที่ผู้สูงอายุใช้ทำกิจกรรมออกกำลังกายเบา เช่น

  • รำไทชิจีน
  • โยคะสำหรับวัย 60+
  • เต้นบงโอโดริ
  • กายบริหารยืดเหยียด

ศูนย์แบบนี้ออกแบบมาให้ผู้สูงอายุเดินถึงใน 10 นาที ไม่ต้องข้ามถนนใหญ่ ทำให้โอกาสออกกำลังกายสูงขึ้นมาก

เมืองตัวอย่าง: ฟุกุอิ

เมืองนี้ตั้ง “Micro Community Hubs” ทุก 1 กม. เพื่อให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายหลังอาหารเช้าและเย็นแบบสั้น ๆ แค่ 10–15 นาที


5) การออกกำลังกายในร่มมีเป็นระบบ เพราะญี่ปุ่นมีฤดูหนาวยาว

ญี่ปุ่นรู้ว่าฤดูหนาวทำให้ผู้สูงอายุไม่ออกกำลังกาย จึงมีระบบ “Indoor Exercise Points” เช่น

  • ห้างสรรพสินค้าเปิดให้เดินตอนเช้าเฉพาะผู้สูงอายุ
  • โรงเรียนประถมเปิดโรงยิมให้ใช้ในช่วง 5 โมงเย็น
  • สถานีรถไฟมี “Walking Lanes” ยาวหลายร้อยเมตรให้เดินออกกำลังกาย

เมืองตัวอย่าง: ซัปโปโร

แม้อากาศหนาวจัด แต่ซัปโปโรสร้างอุโมงค์ทางเดินใต้ดิน 500–800 เมตรในย่านกลางเมือง ทำให้ผู้สูงอายุเดินได้แม้อากาศติดลบ


6) รัฐสนับสนุนการออกกำลังกายแบบละเอียดมาก

ญี่ปุ่นมีโครงการชื่อ 介護予防運動 (Kaigo Prevention Exercise) คือการป้องกันไม่ให้ผู้สูงอายุเข้าสู่ภาวะพึ่งพิง โดยกิจกรรมหลักคือ

  • การเดินวันละ 20–30 นาที
  • ยืดเหยียดหลังและไหล่
  • ฝึกกำลังขาด้วยเก้าอี้
  • ฝึกการทรงตัวเพื่อลดการล้ม

ศูนย์สาธารณสุขจะแจกคู่มือที่อธิบายท่าทางอย่างละเอียดแบบทีละขั้นแบบที่ใช้ได้จริงในบ้าน


7) ความเชื่อทางวัฒนธรรมช่วยด้วย – “การออกกำลังกายคือการดูแลศักดิ์ศรีของตัวเอง”

ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น การไม่พึ่งพาคนอื่นถือเป็นคุณค่าทางสังคม ผู้สูงอายุจำนวนมากมีทัศนคติว่า

“ฉันอยากเดินเองจนถึงวันสุดท้าย”

จึงตั้งใจออกกำลังกายแบบเบา ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพื่อหุ่นดี แต่เพื่อรักษาความสามารถพื้นฐานในชีวิตประจำวัน เช่น ขึ้นรถไฟ หยิบของบนชั้น เดินซื้อของ เป็นต้น


8) เมืองที่สุดยอดด้านการออกกำลังกายผู้สูงอายุ: “มัตสึยามะ (Matsuyama)”

เมืองเล็กในจังหวัดเอฮิเมะแห่งนี้ถือว่าเป็นต้นแบบระดับชาติ เพราะมีระบบดังนี้

  • เส้นทางเดินสุขภาพยาว 5–8 กม. รอบเมือง
  • รถบัสสายพิเศษที่รับผู้สูงอายุไปทำกายบริหาร
  • คอร์สออกกำลังกายระดับอายุ 60, 70 และ 80 แยกเป็นกลุ่ม
  • ระบบสะสมแต้มออกกำลังกาย (Health Points) เอาไปแลกคูปองในร้านค้า
    ผลคือเมืองมัตสึยามะมีอัตราผู้สูงอายุที่ยังเดินได้เองสูงกว่า 90% แม้อายุเกิน 75 ปี

9) ระบบไม่เร่งรัด แต่ “สม่ำเสมอสูงมาก”

ญี่ปุ่นไม่เน้นการออกกำลังกายหนัก แต่เน้นให้ทำเป็นกิจวัตร เช่น

  • เดินไปสถานีวันละ 2–3 รอบ
  • รดน้ำต้นไม้
  • ตากผ้าเอง
  • ทำความสะอาดหน้าบ้าน (ปล่อยฝุ่นไม่ได้ มีระบบชุมชนคอยดู)

กิจกรรมเล็ก ๆ เหล่านี้รวมกันทำให้ผู้สูงอายุญี่ปุ่นแข็งแรงโดยไม่รู้ตัว


10) ภาพรวมที่ทำให้ระบบนี้แข็งแรงกว่า

เพราะญี่ปุ่นวางระบบ 4 อย่างให้ทำงานร่วมกัน

  • เมืองออกแบบให้เดินง่าย
  • ชมรมชุมชนกระตุ้นกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
  • ระบบแพทย์ส่งเสริมแบบมีข้อมูลสนับสนุน
  • วัฒนธรรมสนับสนุนการไม่เป็นภาระ

นี่คือสูตรที่ทำให้คนญี่ปุ่นอายุยืน แข็งแรง และยังเดินทางเองได้จนถึงวัย 80–90 ปี

อย่าลืมกดติดตาม Tojo News เพื่อพบกับข่าวสาร และบทความใหม่ ๆ จากเรา

Line Today TOJO NEWS , ToJoNews

#โตโจนิวส์ #TOJONEWS #สำนักข่าวโตโจนิวส์ #สุขภาพ #Longevity

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: