เวลาพูดถึง “สุขภาพจิต” ส่วนใหญ่เราจะนึกถึงสมอง ความเครียด ฮอร์โมน หรือปัจจัยภายนอกในชีวิตประจำวัน แต่สิ่งที่ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 10 ปีหลัง คือ “ลำไส้” ซึ่งจริง ๆ แล้วทำงานเหมือนศูนย์บัญชาการลับที่คอยรายงานข้อมูลกลับไปยังสมองตลอดเวลา ด้วยเส้นประสาท Vagus และสารสื่อประสาทที่สร้างขึ้นในระบบย่อยอาหารเอง ไมโครไบโอมในลำไส้เลยไม่ได้เป็นแค่ตัวช่วยย่อยอาหาร แต่เป็นตัวกำกับอารมณ์ ความเครียด และแม้กระทั่งความสามารถในการรับมือปัญหา
ไมโครไบโอมลำไส้คืออะไรในระดับที่ลึกกว่าทั่วไป
ไมโครไบโอมลำไส้คือประชากรของจุลชีพหลายพันสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย ยีสต์ ไวรัส และโพรโตซัวที่อยู่รวมกันแบบเป็นระบบนิเวศเฉพาะตัวของแต่ละคน จำนวนรวมของมันมีมากกว่าจำนวนเซลล์ในร่างกายเรา และ “โครงสร้างประชากร” ของมันมีผลโดยตรงต่อสารสื่อประสาทหลายชนิด เช่น
- เซโรโทนิน ประมาณ 90% ถูกผลิตในลำไส้
- GABA ที่เกี่ยวกับการผ่อนคลายและลดความวิตกกังวล
- โดพามีน บางส่วนถูกกระตุ้นผ่านกิจกรรมของแบคทีเรียบางชนิดในกระบวนการเมตาบอลิซึม
ถ้าประชากรจุลชีพเสียสมดุล (dysbiosis) เช่น โดนทำลายจากการกินอาหารไขมันสูง น้ำตาลสูง หรือใช้ยาปฏิชีวนะบ่อย ความสามารถในการผลิตสารเหล่านี้จะเปลี่ยนไป ซึ่งกลายเป็นต้นตอของปัญหาทางอารมณ์บางประเภทได้
ลำไส้สื่อสารกับสมองยังไงแบบเจาะลึก
ลำไส้กับสมองสื่อสารกันผ่าน 3 ช่องทางหลัก ๆ ซึ่งแต่ละอย่างมีบทบาทเฉพาะตัว
- เส้นประสาท Vagus (Gut–Brain Axis แบบตรง)
เส้นประสาทนี้ทำหน้าที่เหมือนสายเคเบิลใยแก้วนำแสงที่ส่งข้อมูลสภาวะภายในลำไส้ไปยังสมองแบบ real-time
- ถ้าลำไส้มีการอักเสบเล็กน้อย สัญญาณที่ส่งไปจะเร่งระบบเตือนภัยของสมอง ทำให้รู้สึกกังวลง่าย
- ถ้ามีจุลินทรีย์ที่ดีเพิ่มขึ้น เช่น Lactobacillus rhamnosus งานวิจัยพบว่าสามารถเพิ่มความไวของตัวรับ GABA บางส่วนในสมอง ซึ่งส่งผลให้รู้สึกสงบขึ้นอย่างวัดได้ทางสรีรวิทยา
- สารสื่อประสาทที่ลำไส้ผลิตเอง
ลำไส้ผลิตเซโรโทนินจำนวนมาก แต่ไม่ได้ถูกส่งตรงทั้งหมดเข้าสมอง เนื่องจากกั้นด้วย blood–brain barrier อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงปริมาณเซโรโทนินในลำไส้ สามารถกระทบกระบวนการรับสัญญาณทางประสาทที่ร่างกายใช้ควบคุมอารมณ์ได้ ซึ่งเชื่อมโยงกับอาการซึมเศร้าและไบโพลาร์ในบางเคส
- ระบบภูมิคุ้มกัน
จุลชีพบางชนิดควบคุมระดับการอักเสบในร่างกาย ถ้าลำไส้มีการอักเสบเรื้อรัง สารไซโตไคน์บางตัว เช่น IL-6 หรือ TNF-α จะเพิ่มขึ้น และมีงานวิจัยจำนวนมากที่พบความสัมพันธ์ของมันกับอาการซึมเศร้า วิตกกังวล และสมาธิสั้น
ตัวอย่างแบคทีเรียที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตแบบเฉพาะเจาะจง
- Bifidobacterium longum – มีผลลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลในกลุ่มคนที่ต้องเผชิญความเครียดเรื้อรัง
- Lactobacillus helveticus – ส่งผลต่อความสงบ ลดความวิตกกังวลในงานทดลองหลายชุด
- Faecalibacterium prausnitzii – ตัวสำคัญในการลดการอักเสบ ถ้าหายไปมากมักพบร่วมกับผู้ป่วยโรคลำไส้อักเสบและภาวะซึมเศร้า
- Akkermansia muciniphila – ช่วยสร้างผนังลำไส้ให้แข็งแรง การขาดสายพันธุ์นี้พบในคนอ้วนและผู้ที่มีอาการซึมเศร้าในบางกลุ่มตัวอย่าง
ตัวกระตุ้นที่ทำให้ไมโครไบโอมเสียสมดุลง่ายที่สุด
สิ่งเหล่านี้มักเกิดในชีวิตประจำวันโดยที่เราไม่รู้ตัว
- การนอนผิดเวลาเรื้อรัง ทำให้นาฬิกาชีวภาพของจุลินทรีย์ในลำไส้รวนตามไปด้วย
- อาหารไขมันสูงหรือน้ำตาลสูง ทำให้จุลชีพดีลดลงและเพิ่มจุลชีพที่สร้างการอักเสบ
- ความเครียดกายภาพ เช่น ออกกำลังกายหนักเกินไปโดยไม่พัก ฟื้นฟูไม่ทัน
- ยาปฏิชีวนะบางตัวที่ลดทั้งดีและไม่ดีเหมารวม
แล้วเราสามารถดูแลไมโครไบโอมให้ส่งผลดีต่ออารมณ์ได้ยังไง
คำแนะนำที่ลงลึกและเฉพาะเจาะจงขึ้นมาหน่อย
- เน้นไฟเบอร์ประเภท prebiotic เช่น inulin จากหัวหอม กล้วยดิบ หน่อไม้ฝรั่ง ซึ่งเป็นอาหารโดยตรงของจุลชีพที่ดี
- กินอาหารหมักแบบ “มีชีวิตจริง” เช่น กิมจิสด โยเกิร์ตที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อหลังหมัก สาเกมิโสะแบบดั้งเดิม
- ลดช่วงเวลา fasting ที่ยาวเกินไปถ้าเครียดอยู่ เพราะมีงานวิจัยบางตัวบอกว่าภาวะเครียด + fasting อาจลดจุลชีพที่มีประโยชน์ได้
- หลีกเลี่ยงอาหาร ultra-processed เพราะมักมีสารที่ทำให้เยื่อบุลำไส้เสียสมดุล
- นอนให้ตรงเวลา เนื่องจากจุลชีพมีวงจรกลางวัน–กลางคืนของมันเอง
ไมโครไบโอมลำไส้จึงไม่ใช่เรื่อง “อาหารสุขภาพ” แบบผิวเผิน แต่มันคือระบบที่ซับซ้อนมาก และกำลังเป็นกุญแจสำคัญของงานวิจัยด้านสุขภาพจิตยุคใหม่ ถ้าควบคุมและดูแลดี สุขภาพจิตจะดีขึ้นแบบรู้สึกได้จริง ไม่ใช่เพียงความเชื่อ
อย่าลืมกดติดตาม Tojo News เพื่อพบกับข่าวสาร และบทความใหม่ ๆ จากเรา
Line Today TOJO NEWS , ToJoNews
#โตโจนิวส์ #TOJONEWS #สำนักข่าวโตโจนิวส์ #สุขภาพ #Longevity