ลองมองร่างกายเราเหมือน “บ้านหนึ่งหลัง”
ตอนอายุยังน้อย โครงสร้างมันแข็งแรงโดยธรรมชาติ ต่อให้เราดูแลไม่ดีเท่าไหร่ มันก็ยังพอไหว
แต่ยิ่งเวลาผ่านไป
สิ่งที่เป็นเหมือน “โครงเหล็กค้ำบ้าน” ก็คือ กล้ามเนื้อ
ถ้ากล้ามเนื้อหาย
บ้านก็เริ่มทรุด
และเมื่อบ้านเริ่มทรุด เราจะใช้ชีวิตแบบลำบากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว
นี่แหละเหตุผลที่ในวงการ Longevity กล้ามเนื้อถูกเรียกว่า
“ทรัพย์สินระยะยาว (Long-term Asset)”
ไม่ใช่ “ของแต่ง” แบบที่หลายคนเคยคิด
กล้ามเนื้อไม่ได้มีไว้เพื่อความล่ำ แต่มีไว้เพื่อ “ใช้ชีวิต”
หลายคนคิดว่าการเล่นเวท = อยากหุ่นดี
แต่ความจริงคือการเล่นเวท = รักษาความสามารถพื้นฐานของการใช้ชีวิต
ยกตัวอย่างง่ายๆ
กิจวัตรประจำวันของเราก็ใช้กล้ามเนื้อเกือบหมดแล้ว
- ลุกจากเตียง = ใช้กล้ามเนื้อสะโพก + ต้นขา
- เดินขึ้นบันได = ใช้ควอด + ฮิปเฟล็กเซอร์
- ยกถุงของ = ใช้แขน + หลัง + core
- นั่งพื้นแล้วลุกขึ้น = full body move ที่หายไปก่อนอย่างอื่นเลยในผู้สูงอายุ
ถ้ากล้ามเนื้อน้อย ทุกอย่างที่เคย “ทำได้ง่าย” จะเริ่ม “ทำได้ยาก”
และพอทำได้ยาก เราก็เริ่ม “เลี่ยง”
พอเลี่ยง ก็ยิ่งไม่ได้ใช้งาน
แล้วมันก็จะหายไปอีก
นี่เรียกว่า
วงจรเสื่อมแบบเงียบๆ (Silent Decline)
แล้วมันเสื่อมเร็วแค่ไหน?
หลังอายุประมาณ 30 ปี
กล้ามเนื้อจะลดลงเฉลี่ยปีละ 3–8%
และหลัง 60 ปี ตัวเลขนี้จะยิ่งกระโดดขึ้นแบบชัดเจน
แปลว่า
ถ้าอายุ 60 แล้วยังไม่ได้ตั้งใจเก็บกล้ามเนื้อไว้
ร่างกายจะลื่นลงเหมือนสไลเดอร์โดยที่เราหยุดมันไม่ได้แล้ว
นี่แหละที่วงการแพทย์ชอบพูดว่า
“Strength is not something you can buy later.”
ความแข็งแรง ไม่สามารถซื้อได้ย้อนหลัง
อยากมีตอนแก่ ต้องสร้างตอนยังมีแรง
กล้ามเนื้อกับ “การล้ม” — เรื่องที่หนักกว่าที่คนส่วนใหญ่คิด
ในผู้สูงอายุ การล้มไม่ใช่เรื่องเล็ก
เพราะเมื่อกล้ามเนื้อน้อย ข้อแข็ง กระดูกบาง
การล้มหนึ่งครั้งอาจหมายถึง
- คอหัก
- สะโพกหัก
- หรือต้องติดเตียงไปตลอดชีวิต
และการติดเตียง = กล้ามเนื้อหายแบบรวดเร็วมาก
พอไม่มีแรงลุก ร่างกายก็เสื่อมทุกระบบ
นี่คือต้นเหตุของการ “อยู่แต่ไม่สามารถใช้ชีวิตได้”
คนที่มีกล้ามเนื้อดี
แม้จะล้ม
ร่างกายจะ “รับแรง” ได้
และโอกาสบาดเจ็บหนักต่ำกว่ามาก
กล้ามเนื้อไม่ได้ช่วยแค่ร่างกาย แต่ช่วย “สมองและอารมณ์” ด้วย
อันนี้คนไม่ค่อยรู้
เวลาเราออกแรงต้าน (เช่น เล่นเวท)
ร่างกายจะหลั่งสารชื่อ BDNF (Brain-Derived Neurotrophic Factor)
ซึ่งมีหน้าที่เหมือน “ปุ๋ยบำรุงสมอง”
BDNF ทำหน้าที่
- ช่วยเรื่องความจำ
- ทำให้โฟกัสดีขึ้น
- อารมณ์นิ่งขึ้น
- นอนดีขึ้น
นี่คือเหตุผลว่า
ทำไมหลายคนเล่นเวทแล้วอารมณ์ดีขึ้น
ไม่ใช่เพราะอยากหล่อ
แต่เพราะสมองสงบ
แล้วจะเริ่มเล่นเวทยังไงแบบ “ไม่เจ็บ ไม่พัง ไม่ล้มเลิก”?
จุดเริ่มต้นไม่ต้องเยอะเลย
ใช้สูตรนี้
Push – Pull – Leg – Core
อาทิตย์ละ 3–4 วัน
แต่จะให้โปรแกรมแบบ “เริ่มได้เลย ไม่ต้องคิด” ดังนี้
วัน 1 — Push (หน้าอก ไหล่ ไตร)
- วิดพื้น (เข่าติดพื้นได้) 3 x 8–12
- Dumbbell Shoulder Press 3 x 8–12
- Tricep Dips (ขอบเตียง) 3 x 8–12
วัน 2 — Pull (หลัง ไบเซป)
- Dumbbell Row 3 x 8–12
- Pull Down / หรือดึงยางยืดแทน 3 x 12–15
- Bicep Curl 3 x 10–15
วัน 3 — Legs + Core
- Squat (ไม่ต้องมีน้ำหนักก่อน) 3 x 12
- Romanian Deadlift (ดัมเบล) 3 x 10
- Plank 3 x 30–60 วิ
หลักคือ: ทำให้สม่ำเสมอ ไม่ต้องหนักจนเจ็บ
บทส่งท้าย (แบบตรง ชัด และจริงใจ)
ร่างกายเราจะไม่แข็งแรงขึ้นเองตามเวลา
มันจะอ่อนลงเรื่อยๆ
ถ้าเราไม่ทำอะไรกับมัน
ถ้าอยากให้ตัวเองตอนอายุ 60 ยังลุกจากพื้นได้
ยังเดินเที่ยวได้
ยังดูแลตัวเองได้
กล้ามเนื้อต้องเริ่มเก็บตั้งแต่วันนี้
ไม่ใช่พรุ่งนี้
ไม่ใช่อาทิตย์หน้า
เพราะสิ่งที่เราไม่ทำวันนี้
ร่างกายจะเป็นคน คิดดอกเบี้ยคืน ในวันข้างหน้า
เริ่มทีละนิดก็ได้
แต่ เริ่มเลย ดีที่สุด
อย่าลืมกดติดตาม Tojo News เพื่อพบกับข่าวสาร และบทความใหม่ ๆ จากเรา
Line Today TOJO NEWS , ToJoNews
#โตโจนิวส์ #TOJONEWS #สำนักข่าวโตโจนิวส์ #สุขภาพ #Longevity