หลายคนเชื่อว่าถ้าเหนื่อยหรือเครียด ก็ไปออกกำลังกาย เดี๋ยวจะดีขึ้น ซึ่งมันจริงอยู่ในระดับหนึ่ง เพราะการขยับร่างกายช่วยลดฮอร์โมนความเครียด และปล่อยสารที่ทำให้สมองโอเคขึ้น แต่ก็มีบางวันที่เราออกกำลังกายเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น เหมือนไปยิมแล้วใจไม่ได้กลับมาด้วย ทิ้งไว้แค่เหงื่อกับความว่างเปล่าแบบอธิบายไม่ถูก
ตรงนั้นแหละคือ “เหนื่อยแบบใจ” ไม่ใช่แค่ร่างกายล้า
ความเหนื่อยทางกายเป็นแบบจับต้องได้ เรารู้สึกตัวหนัก ไม่ค่อยมีแรง กล้ามเนื้อเรียกร้องให้พัก แต่ความเหนื่อยทางใจมันละเอียดกว่า มันไม่แสดงออกด้วยความปวด มันจะมาในรูปของความเฉยชา เงียบ เหมือนไม่ได้เศร้าแต่ก็ไม่รู้สึกอยากทำอะไรเลย บางทีก็เหมือนร่างกายยังไหว แต่หัวใจเป็นฝ่ายพูดว่า “พอได้แล้วนะ”
เวลาที่เหนื่อยแบบใจ เรามักจะพยายามแก้เหมือนแก้ร่างกาย คือ “ทำให้มากขึ้น” “กดตัวเองให้ขยับเข้าไปอีกนิด” เหมือนคิดว่าถ้าเรา push มากพอเดี๋ยวเราจะผ่านมันไปได้ แต่ความจริงแล้วใจไม่ได้ฟื้นจากการฝืน ฟื้นจาก “พื้นที่ให้ตัวเองได้พักจริง” มากกว่า
ลองสังเกตตัวเองแบบนี้ง่ายๆ:
ถ้าเหนื่อยทางกาย — พอได้พักนิดหนึ่ง กินดีขึ้น นอนพอ แรงจะกลับมาเอง
ถ้าเหนื่อยทางใจ — พักแค่ร่างกายอย่างเดียวไม่พอ ต่อให้นอนทั้งวันก็ยังรู้สึกหนักอยู่
ความเหนื่อยทางใจเกี่ยวกับการ “พยายามเป็นอะไรบางอย่างตลอดเวลา” เช่น ต้องเก่ง ต้องดี ต้องพัฒนา ต้องคุมตัวเอง ต้องไม่อ่อนแอ มันไม่ได้เกี่ยวกับกล้ามเนื้อเลย มันเกี่ยวกับความคาดหวังที่เรามีต่อตัวเองแบบที่บางทีเราไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำ
ดังนั้น บางวันสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่การออกกำลังกายเพิ่ม แต่อาจเป็นการให้ตัวเองได้ “อยู่เฉยๆ แบบไม่รู้สึกผิด” สักหน่อย ไม่ต้องรีบมีคำตอบ ไม่ต้องรีบแก้ปัญหา แค่ยอมรับว่า วันนี้ใจล้า และนั่นเป็นเรื่องปกติของมนุษย์
เพราะไม่ใช่ทุกวันที่เราต้องวิ่ง
บางวันเราแค่ต้องหยุดเพื่อให้แรงวิ่งกลับมาเอง
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้เหนื่อยแบบไหน?
ถามตัวเอง 3 ข้อสั้นๆ:
- วันนี้รู้สึกว่า “ไม่มีแรง” หรือ “ไม่มีใจ”?
- สิ่งที่ทำอยู่ยังมีความหมายสำหรับเราหรือแค่ทำเพราะต้องทำ?
- ถ้าวันนี้หยุด จะรู้สึกดีขึ้นหรือรู้สึกแย่กว่าเดิม?
ถ้าคำตอบออกมาว่า ไม่มีใจ + ทำเพราะต้องทำ + หยุดแล้วจะดีขึ้น
นั่นคือ ใจล้า ไม่ใช่ตัวล้า
วันแบบนี้ เราอาจจะต้อง พักใจ ก่อนพักกาย
อาจเป็นการคุยกับเพื่อนหนึ่งคน
เดินช้าๆ ไม่มีเป้าหมาย
ฟังเพลงแบบไม่ต้องคิด
หรือแค่ปล่อยให้ตัวเองนิ่งโดยไม่ต้องอธิบายอะไรให้ใครฟัง
ไม่ได้แปลว่าเราหยุดการพัฒนา
มันแปลว่าเรากำลังดูแล “ราก” ของแรงที่จะใช้พัฒนา
ปิดท้าย
การออกกำลังกายแก้ความเครียดได้จริง แต่ไม่สามารถแก้ทุกความเหนื่อยได้ ถ้าเราผลักตัวเองทั้งที่ใจยังไม่ได้ฟื้น เราไม่ได้เดินหน้า เรากำลังดันตัวเองออกห่างจากตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
บางครั้งการหยุดพักหนึ่งก้าว ไม่ได้ทำให้เราช้าลง
มันทำให้เรามีแรงจะกลับมาวิ่งต่อด้วยจังหวะที่เป็นของเราเอง
ไม่ใช่จังหวะที่โลกบังคับ
เพราะสุขภาพระยะยาวไม่ใช่เรื่องของใครทันใคร
แต่คือการ รักษาแรงให้มีพอสำหรับวันต่อไป
อย่าลืมกดติดตาม Tojo News เพื่อพบกับข่าวสาร และบทความใหม่ ๆ จากเรา
Line Today TOJO NEWS , ToJoNews
#โตโจนิวส์ #TOJONEWS #สำนักข่าวโตโจนิวส์ #สุขภาพ #Longevity