Connect with us

Health

Walk มากกว่า Run: ทำไมการเดินถึงกลายเป็นตัวจริงของการดูแลสุขภาพระยะยาว

Published

on

เวลาเราพูดเรื่องออกกำลังกาย คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการ “วิ่ง” ก่อนเสมอ
เหมือนสมองเราถูกตั้งค่าไว้ว่าถ้าจะฟิต ต้องวิ่ง
ถ้าอยากผอม ต้องวิ่ง
ถ้าอยากสุขภาพดี ก็ต้องวิ่ง

แต่ความจริงแล้ว
ในวงการ Longevity (การมีสุขภาพดีแบบยืนยาว) สิ่งที่มาแรงที่สุดในช่วงปีนี้ ไม่ใช่วิ่ง ไม่ใช่ HIIT
แต่คือ “การเดิน”

ซึ่งฟังดูธรรมดาแบบ หนึ่งในหนึ่งกิจกรรมพื้นฐานของมนุษย์
แต่ความธรรมดานี่แหละที่ทำให้มันสำคัญที่สุด

ลองคิดง่ายๆ
อะไรที่เราทำได้ทุกวันแบบไม่ต้องฝืน = อยู่ยาวได้จริง


ทำไมการเดินถึง powerful กว่าที่คิด?

เพราะร่างกายเราไม่ได้ถูกสร้างมาให้ “พุ่งแรงๆ แป๊บเดียวแล้วหยุด”
แต่มันถูกสร้างมาให้ “ขยับยาวๆ ช้าๆ ต่อเนื่อง”

งานวิจัยใหม่หลายฉบับสรุปเหมือนกันว่า
คนที่ เดินเยอะต่อวัน มีอัตราเสี่ยงโรคเรื้อรังต่ำกว่าอย่างชัดเจน
ไม่ใช่เพราะการเดินเผาผลาญมากกว่า
แต่เพราะมัน เป็นการกระตุ้นระบบร่างกายแบบธรรมชาติ

การเดินช่วยอะไรบ้าง?

  • กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดแบบต่อเนื่อง
  • ลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังอาหาร
  • ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
  • กระตุ้นสมองส่วนที่ช่วยให้คิดชัด ใจสงบ
  • ช่วยลดระดับฮอร์โมนเครียด (Cortisol) ได้ดีแบบไม่ต้องทำสมาธิ

นี่คือเหตุผลว่า ทำไมคนที่เดินเยอะ มักอารมณ์นิ่งกว่า
และไม่ค่อยรู้สึกตัวป่องหรือมึนๆ หลังอาหาร


แล้วทำไมการเดินถึง “เวิร์ก” ในมุมของ Longevity?

เพราะ Longevity ไม่ใช่การฝืน
มันคือการทำ “สิ่งที่เราอยู่กับมันได้นาน”

วิ่งอาจทำให้ฟิตเร็ว
แต่ก็มีโอกาสทำให้เจ็บเร็วเหมือนกัน
โดยเฉพาะเข่า เอ็น ข้อเท้า ถ้าเทคนิคไม่ดีหรือรองเท้าไม่เหมาะ

แต่การเดิน
แรงกระแทกต่ำ
ไม่ต้องตั้งตัว
ทำได้ทุกวัน
ไม่ต้องมีอุปกรณ์
ไม่ต้องจัดตาราง
ไม่ต้อง warm up อะไรเยอะ

มันคือ Low effort, High return

และยิ่งเดินหลังอาหาร
ยิ่งช่วยดึงน้ำตาลในเลือดไปใช้ทันที
อันนี้ลดโอกาสอ้วนแบบเงียบๆ ได้ชัดเจนมาก


แบบฝึก “เดิน” ที่ทำได้จริงในชีวิตจริง

ไม่ใช่หมายถึงไปเดินสวนลุมทุกวัน (ถ้าได้ก็ดี)
แต่คือ “แทรกการเดินเข้าไปในชีวิตปกติ”

ลองแบบนี้:

1) เดิน 10 นาทีหลังอาหารทุกมื้อ

ไม่ต้องเดินเร็ว
แค่เดินให้รู้สึกว่าตัวเองกำลัง “เคลื่อนไหว”
นี่ช่วยระบบย่อย ลดน้ำตาล และลดอาการง่วงหลังอาหารได้ดีมาก

2) ถ้าจะโทรคุยโทรศัพท์ ให้ลุกเดินไปด้วย

อันนี้เพิ่ม NEAT (พลังงานที่ใช้จากการเคลื่อนไหวที่ไม่ใช่ออกกำลังกาย) แบบแทบไม่รู้สึก

3) ถ้าต้องไป 7-11 ใกล้บ้าน

ลองเดินไปแทนการขี่มอไซค์
ได้เหงื่อเบาๆ และไม่ต้องหาที่จอด

4) ตั้งเป้า จำนวนก้าวต่อวันแบบยืดหยุ่น

ไม่ต้อง 10,000 ก้าวทุกวัน
เอาแบบนี้แทน

  • วันที่ยุ่ง: 5,000
  • วันที่ปกติ: 7,000
  • วันที่พอมีเวลา: 9,000+

กฎคือ ไม่ต้องดีที่สุด แต่ขอให้ “มีการเดินทุกวัน”


ถ้าอยากยกระดับขึ้นอีกขั้น

ลองเปลี่ยนจากเดินเฉยๆ เป็น เดินแบบมีจังหวะ
ที่เราเรียกง่ายๆ ว่า “เดินให้รู้สึกว่าเดินอยู่”

จังหวะประมาณที่ยังพูดคุยได้ แต่ไม่ถึงกับชิลจนหลับ

ความเร็วประมาณ 4–6 km/h
หรือ
ถ้าดูจากสมาร์ทวอทช์ ให้ชีพจรอยู่ราวๆ 110–130 bpm
แล้วแต่พื้นฐานแต่ละคน

อันนี้คือโซนที่ หัวใจแข็งแรงขึ้น โดยไม่เสื่อมเร็ว


ก่อนจากกันไป

ถ้าพูดกันตรงๆ
ร่างกายเราไม่ได้ต้องการอะไรซับซ้อนเลย
มันแค่ต้อง “ได้ขยับสม่ำเสมอ”

การเดินคือรูปแบบการออกกำลังกายที่
ไม่ต้องเตรียมตัว
ไม่ต้องฝืน
ไม่ต้องมีเวลาเยอะ
ไม่ต้องมีอุปกรณ์
และทำได้ทุกวัย

ถ้าคิดไม่ออกว่าจะเริ่มดูแลสุขภาพยังไง
เริ่มจากการเดินก่อน
แค่นี้ก็เทรน Longevity ได้แล้ว

เพราะชีวิตจริง
สิ่งที่ยืนยาวคือสิ่งที่เรา “ทำซ้ำได้แบบไม่รู้สึกฝืน”

อย่าลืมกดติดตาม Tojo News เพื่อพบกับข่าวสาร และบทความใหม่ ๆ จากเรา

Line Today TOJO NEWS , ToJoNews

#โตโจนิวส์ #TOJONEWS #สำนักข่าวโตโจนิวส์ #สุขภาพ #Logevity

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: