Connect with us

Innovation & Technology

โลก2021 กับนวัตกรรมใหม่!! อิฐจากเห็ดมาแรง แทนซีเมนต์ ซ่อมแซมตัวเองได้แถมลดโลกร้อนอีกด้วย

Published

on

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า เดลีเมล์ รายงานการพัฒนา “เห็ด” ที่ไม่ได้ใช้แค่ทำหน้าพิซซ่า หากยังเป็นวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นทางออกสำหรับการลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย

โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นอีพี ระบุว่าวัตถุดิบในการก่อสร้างปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกือบร้อยละ 40 ต่อปี ดังนั้นการที่วิศวกรทดลองผลิตอิฐจากเห็ดเป็นผลสำเร็จและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมก่อสร้างอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้ง ย่อยสลายทางชีวภาพได้เมื่อต้องทุบตึกทิ้ง จึงเป็นความหวังอย่างยิ่ง

ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ต้องการสร้างอาคารโดยไม่ต้องใช้เห็ดที่มีชีวิตซึ่งเติบโตได้ตามที่ออกแบบและซ่อมแซมตัวเองได้ หากได้รับความเสียหาย

สำหรับขั้นตอนการผลิตอิฐจากเห็ด เริ่มจากการนำไมซีเลียมมาผสมกับขยะจากการเกษตร เช่น ฟางหรือแกลบข้าวโพด แล้วทิ้งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ ให้ยาวพอที่จะหุ้มฟาง จากนั้น ใช้ความร้อนหรือเคมีเพื่อฆ่าเชื้อราซึ่งขั้นตอนนี้ เหมือนกับการทำอิฐแบบดั้งเดิมซึ่งใช้วัตถุดิบธรรมชาติอย่างดินเหนียวมาใช้แทนคอนกรีต

ตามทฤษฎี ราเติบโตให้เป็นรูปร่างตามที่ต้องการได้และราที่มีชีวิตซ่อมแซมตัวเองได้ หากทำให้เกิดหลุมบนกำแพงโดยบังเอิญ ก็เพียงแค่รอไมซีเลียมเติบโตจนอุดรูบนกำแพงเท่านั้นเอง

นอกจากนี้ เชื้อรายังตอบสนองต่อแรงกระตุ้นไฟฟ้าทำให้เปิดโอกาสให้สร้างกำแพงที่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้ แต่ยิ่งไมซีเลียมโตขึ้น ก็ยิ่งมีโอกาสกินวัสดุที่ช่วยให้โครงสร้างแข็งแรงและในที่สุด อาจจะทำให้โครงสร้างอาคารอ่อนแอลง

ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทฤษฎีของไอเรสเป็นจริง จึงใช้ไมซีเลียมที่ตายแล้ว 2 ชั้นอยู่ด้านนอกและอีก 1 ชั้นอยู่ด้านใน เมื่อไม่ได้รับน้ำ ไมซีเลียมที่อยู่ด้านในก็จะหยุดการเจริญเติบโตชั่วคราวจนกว่าจะถึงคราวจำเป็น

ด้านคาที ไอเยอร์ส เปิดตัวเรือแคนนูที่ทำจากเห็ดโดยใช้ไมซีเลียมอัดแน่นทำให้กันน้ำและลอยน้ำได้เป็นอย่างดี ไอเยอร์สกล่าวว่าเห็ดช่วยได้มาก เห็ดให้ประโยชน์มากกว่านำมารับประทานและยังมีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Click to comment

You must be logged in to post a comment Login

Leave a Reply

Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: