ธันวา แนะ ไพรวัลย์ อย่าทำตัวอีโก้ น้ำล้นแก้ว ชี้! เป็นบุคคลสาธารณะ มีชื่อเสียงและรายได้เพราะแรงสนับสนุนจากสังคม ก็ควรจะต้องยอมรับ ใส่ใจกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์และคำแนะนำด้วย
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายธันวา ไกรฤกษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ระบุ ถึงกรณีกระแสข่าวของนายไพรวัลย์ วรรณบุตร ที่กำลังเป็นกระแสดราม่า หลังลาออกจากรายการที่มีน้าเน็กเป็นพิธีกรหลักว่า สิ่งดีที่ไพรวัลย์มีคือ รักคุณแม่ อารมณ์ดี และเป็นคนตรงไปตรงมา ซึ่งไม่แน่ใจว่า 3 อย่างนี้เป็นเหตุให้ได้รับความนิยมจากคนเป็นจำนวนมากรึเปล่า หรือเป็นเพราะการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่เอียงไปทางฝั่งตรงข้ามรัฐบาลและสถาบัน จึงเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มฝั่งซ้าย
แน่นอนว่าจำนวนคนฝั่งซ้ายในโลกโซเชียลนั้นมีมากกว่าฝั่งขวา แต่เป็นที่น่าแปลกใจจากกรณีแฟนเพจน้าเน็กจำนวนมากแห่แบนไพรวัลย์ ทั้งที่เมื่อดูจาก content แล้ว แฟนเพจน้าเน็กก็น่าจะเป็นกลุ่มฝั่งซ้ายเช่นกัน รวมถึงเน็ตไอดอลและ influencer ชื่อดังหลายคนที่ไม่เอารัฐบาล ก็ยังคอมเมนท์ไปในแนวทางเดียวกันประมาณว่า ไม่เห็นด้วยกับความเป็นไพรวัลย์ในปัจจุบัน พร้อมแนะนำให้ปรับปรุงตัว
“อีโก้ น้ำล้นแก้ว ทำตัวไม่เป็นแบบอย่าง” คือคำที่พบเจอมากที่สุดในกรณีดราม่า ลาออกจากการเป็นพิธีกรรายการของน้าเน็ก
ประเด็นการ ‘ทำตัวไม่เป็นแบบอย่าง’ ขอเริ่มจากการตั้งคำถามก่อนว่า ไพรวัลย์จำเป็นต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างของใครหรือไม่? ซึ่งหากพิจารณาในฐานะที่ไพรวัลย์เป็นมนุษย์คนหนึ่งก็เห็นว่าไม่จำเป็น เพราะแม้สังคมคาดหวังจะเห็นบุคคลผู้ซึ่งเคยบวชเรียนมาเป็นเวลานาน และเคยสั่งสอนคนเป็นจำนวนมาก ว่าต้องพูดดีประพฤติดีทุกเรื่อง แต่ก็ไม่ใช่หน้าที่ของไพรวัลย์ที่จะต้องทำตามความคาดหวังของใคร ทุกคนมีสิทธิเลือกเส้นทางเดินของตนเอง
แต่หากพิจารณาจากมุมที่ไพรวัลย์เป็นบุคคลสาธารณะ มีชื่อเสียงและรายได้เพราะแรงสนับสนุนจากสังคมแล้ว ก็ควรจะต้องยอมรับ ใส่ใจกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์และคำแนะนำด้วย ซึ่งชัดเจนแล้วว่ากลุ่มคนที่แนะนำไพรวัลย์ในวันนี้ ไม่ใช่กลุ่มคนที่เคยด่าๆไพรวัลย์ในอดีต แต่กลับกลายเป็นคนที่เคยสนับสนุนไพรวัลย์จนขึ้นมาถึงจุดนี้ได้
เรื่องอีโก้และน้ำล้นแก้ว อันนี้เป็นลักษณะนิสัยที่แท้จริงของไพรวัลย์รึเปล่าไม่แน่ใจ เพราะหลายคนเดิมทีเคยเป็นคนนอบน้อม พร้อมรับฟัง แต่เมื่อถูกแรงกดดัน ถูกปะทะบ่อยๆ จิตใจก็จะเริ่มสร้างเกราะกำบังขึ้นมา แล้วกระแทกออกไปแรงๆเพื่อเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของตนเอง ถือเป็นธรรมชาติมนุษย์
อย่างไรก็ดี การที่จะยอมลดอีโก้และเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้พร้อมรับฟังการวิพากษ์วิจารณ์และคำตักเตือนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องใช้เวลาและกำลังอย่างมากในการลดอัตตาของตนเอง ต่อให้เคยบวชเรียนมาแล้ว แต่ภายในหัวใจก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ มีรักโลภโกรธหลงเช่นเดิม โดยยังมีอีกวิธีนึงที่จะทำให้ได้ประโยชน์เสมือนการลดอีโก้ตนเองเลย ซึ่งก็คือการ ลดการแสดงออกที่สุ่มเสี่ยงจะก่อให้เกิดความเกลียดชังจากผู้คน เพื่อลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และคำปรามาสที่สังคมจะสะท้อนกลับมา
พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ถ้าไม่พูดหรือโพสต์เรียกแขก ก็ไม่มีคนมาด่า จะได้ไม่ต้องไปตอกกลับใครบ่อยๆ การแสดงออกความเป็นตัวเองนั้นทำได้ แต่ต้องรู้จักพอดีพองาม สังคมไทยไม่ชอบอะไรที่มันมากเกินไป ที่สำคัญอย่าเหยียบย่ำหัวใจใคร แล้วเขาก็จะไม่มาเหยียบย่ำหัวใจคุณ
แม้จะเคยเป็นคนหนึ่งที่เคยโพสต์ถึงไพรวัลย์ และเคยถูกไพรวัลย์โต้ตอบค่อนข้างหนัก แฟนคลับตามเข้ามาถล่มในเพจด้วยถ้อยคำหยาบคายจำนวนมาก แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เขียนโพสต์นี้ขึ้นมา ผมไม่เคยซ้ำเติมทับถมใครที่เห็นต่างรวมถึงไพรวัลย์ และไม่กล้าจะไปบอกสอนอะไรเขา เพราะตัวเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขา เป็นแค่การวิเคราะห์ยามว่างระหว่างกินกาแฟในเช้าวันอาทิตย์ ซึ่งหากไพรวัลย์หรือใครได้อ่านแล้วเกิดประโยชน์บ้างก็ยินดีครับ
ปล.คำว่า ‘หนุนใจ’ นั้น ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ ผู้คนในโบสถ์มักจะใช้กันอยู่เสมอ โดยการหนุนใจเป็นสิ่งที่ไบเบิ้ลกล่าวถึงบ่อยครั้งว่าให้เรากระทำต่อกันและกัน แม้จะอยู่ศาสนาใด เราก็สามารถหนุนใจซึ่งกันและกันได้ครับ
ทั้งนี้นายธันวา ยังได้ติดแฮชแท็คสั้นๆ ด้วยว่า “หนุนใจนะครับ”