ต่อกันด้วย Joji ศิลปินภายใต้ค่ายเดียวกันลูกครึ่งญี่ปุ่น-ออสเตรเลียก็ไม่แพ้ใคร เพราะอัลบั้มเดบิวต์แรกที่มาพร้อมซิงเกิ้ล Slow Dancing in the Dark และ Yeah Right นั้นพาให้เขากลายเป็นศิลปินเอเชียคนแรกที่ขึ้นท็อปชาร์ตของ Billboard R&B และ Hip-Hop charts ได้อย่างสวยงาม แนวเพลงสไตล์อาร์แอนด์บีผสมผสานด้วย Lo-Fi (สไตล์เพลงที่มีการอัดเสียงด้วยคุณภาพต่ำ ทำให้เสียงที่ได้ออกมาก้องๆ เหมือนเปิดจากแผ่นเสียง) ของโจจิแทรกลึกถึงความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ ความฟุ้งฝันราวกับล่องลอยอยู่ระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและโลกในจินตนาการ ทำให้คนฟังได้เปิดกว้างถึงอีกมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งเขามาพร้อมเพลงดังอย่าง Gimme love และ Sanctuary ที่วัยรุ่นยุคใหม่สตรีมกันอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
มีคนหนุ่มไฟแรงไปแล้ว มาพูดถึงศิลปินสาวกันบ้าง เพราะเธอคนนี้เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงอีกหนึ่งตัวเอสของค่ายนั่นคือ NIKI ศิลปินชาวอินโดนีเซีย บางคนอาจรู้จักเธอผ่าน Lisa Blackpink ที่หยิบเอาเพลง Vintage มาใช้เป็นเพลงพื้นหลังของวิดีโอ LILI’s FILM #3 หากก่อนหน้าเพลงนี้จะดัง เธอเองยังฝากฝีมือด้วยการขึ้นเปิดคอนเสิร์ต Red Tour ของเจ้าแม่วงการเพลง Taylor Swift มาแล้วในวัยเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น จากนั้นไม่นานเพลงดังอย่าง Indigo และ Lowkey ก็ตามออกมาให้แฟนเพลงได้ตกใจยิ่งขึ้นไปอีกกับเทคนิคคอนโทรลเสียงของเธอ ซึ่งล่าสุดกับก้าวสำคัญคงต้องยกให้กับเพลง Every Summertime ที่เธอได้ไปร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ให้กับจักรวาลมาร์เวลอย่างเรื่อง Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings
NIKI
นอกเหนือไปกว่าการเสาะหาศิลปินแล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ในการผสมผสานความแตกต่างของค่าย คือการหยิบยืมและดึงเอาศิลปินมากหน้าหลายตาจากหลายค่ายมาร่วมฟีเจอริ่งและทำเพลงร่วมกับศิลปินของตน เพื่อสร้างรสชาติใหม่ๆ ให้กับวงการดนตรีในซีรีส์ที่มีชื่อว่า Head In The Clouds ซีรีส์เพลงที่เรียกว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเพลง Midsummer Madness ที่ถูกสตรีมอย่างหนักหน่วง จนต้องเกิดเป็นซีรีส์เวอร์ชั่นที่ 2 ออกมา ในส่วนของศิลปินที่เข้าร่วมงานนั้นมาจากหลากหลายประเทศด้วยกันทั้ง ภูมิ-วิภูริศ ที่ก็ได้โอกาสในการแท็กทีมกับค่าย หรือจะเป็นไอดอลอย่าง Jackson Wang, Chung Ha ไปจนถึงดีเจชื่อดังอย่าง Major Lazer และอีกมากมาย