Connect with us

Health

Duck Syndrome แม้ข้างนอกจะสดใส แต่ข้างในไม่ไหวแล้ว

Published

on

Duck Syndrome

Duck Syndrome – ทั้งวัยเรียนและวัยทำงานต่างก็ต้องพบเจอกับปัญหาและภาวะความเครียดความกดดันที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหลายคนมักจะแสดงออกมาว่าไม่เป็นอะไร ทำตัวร่าเริงสดใส แต่แท้จริงแล้วภายในเกือบจะแบกรับเรื่องต่าง ๆ เพิ่มอีกไม่ไหว เหมือนกับเป็ดที่อยู่ในน้ำ แม้จะเห็นว่ามันลอยอยู่เฉย ๆ แต่จริง ๆ แล้วใต้น้ำเท้าของมันกำลังเตะอยู่เพื่อไม่ให้ตัวเองจมลงไป มหาวิทยาลัย Standford จึงนิยามภาวการณ์ลักษณะนี้ว่า ‘Duck Syndrome’

ทั้งความคิดและภาวะกดดันต่าง ๆ มักจะส่งผลให้จิตใจของผู้คนอ่อนไหวตาม ทั้งการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น การยึดเหนี่ยวเอาผู้อื่นเป็นเป้าหมายมากเกินไป และในบางครั้งแรงกดดันจากคนรอบข้างก็ส่งผลให้เกิดเป็นความเครียดว่าตัวเราต้องประสบความสำเร็จและอยู่เหนือผู้อื่นเท่านั้นจึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จ

ยิ่งสำหรับผู้ที่ทำงานไม่ว่าจะช่วงเริ่มต้นทำงานหรือทำงานมาแล้วสักพัก ก็มักจะมีความกดดันเช่นเดียวกัน บางคนกดดันตัวเองว่าต้องทำอย่างไรจึงจะพิสูจน์ตัวเองได้ บางคนกดดันตัวเองว่าไม่ว่างานไหนก็ต้องออกมาดีและสมบูรณ์แบบมากที่สุด ซึ่งการเก็บเรื่องราวต่าง ๆ ไว้ในใจเช่นนี้ไม่ใช่ผลดีต่อร่างกายเลย

Duck Syndrome

เราสามารถจัดการกับ Duck Syndrome นี้ได้อย่างไร?

1. ยอมรับความอ่อนแอของตัวเอง 

ในบางครั้งการยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่เสมอไป เพราะการที่เรายอมรับความอ่อนแอของตัวเอง ไม่ปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง ยอมให้ตัวเองอ่อนแอบ้าง เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน คุณก็จะสามารถก้าวผ่านความรู้สึกนี้ไปได้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งขึ้น ในขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่การันตีถึงความเข้มแข็งของคุณเช่นเดียวกัน

2. ต้องเข้าใจว่าเมล็ดพันธุ์แต่ละชนิดเติบโตไม่เท่ากัน

เพราะระยะเวลาแห่งความสำเร็จของแต่ละคนไม่เท่ากัน เราจึงไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นไปได้ตลอดชีวิต ต้องทำความเข้าใจกับตัวเองว่าตอนนี้อาจยังไม่ถึงช่วงเวลาของ​คุณ อาจสายไปหน่อย หรืออาจจะตามคนอื่นไม่ทันไปสักนิด แต่เมื่อเวลาของคุณมาถึง คุณก็จะประสบความสำเร็จในแบบของคุณ โดยที่ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับใครเลยสักคน

3. เราไม่ได้เผชิญเรื่องนี้เพียงลำพัง

แม้ในบางครั้งคุณจะรู้สึกแย่กับสิ่งที่เป็นอยู่ แต่อยากให้คิดไว้เสมอไม่ว่าจะกับเรื่องอะไร คุณไม่ได้อยู่คนเดียว ทุกคนต่างมีเรื่องที่ไม่สบายใจไม่ต่างกัน ซึ่งจะดีกว่ามั้ยหากเราตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องที่เก็บไว้ในใจให้กับใครสักคนฟัง ซึ่งคนคนนั้นจะเป็นใครก็ได้ ขอแค่เขาจะไม่โต้เถียง ไม่ตำหนิ ไม่ตัดสินเราจากสิ่งที่เราเล่าให้เขาฟัง และที่สำคัญเขาคนนั้นพร้อมจะเก็บเรื่องที่เราเล่าไว้แค่เรากับเขาเท่านั้น

แม้การแคร์ความรู้สึกคนอื่นเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าลืมว่าจริง ๆ แล้วคนที่เราควรรักและแคร์มากที่สุดคือตัวของเราเองนะคะ

#TOJONEWS #Life #Health

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: