สุดเซ็ง !!!! ปีศาจแดง บุกไปเยือนบ๊วย ทำได้แค่เสมอ 1-1 ครึ่งแรกโดนริบประตูคืน 2 หน โดนเบียดหล่นจากท็อป 4

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นัดกลางสัปดาห์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเยือนเทิร์ฟ มัวร์ ของเบิร์นลี่ย์
ทีมบ๊วยของตาราง แม้จะโหมบุกแหลกในครึ่งแรก แต่เจ้าถิ่นไล่ตามมาตีเสมอได้ในต้นครึ่งหลัง
แบ่งกันไปทีมละแต้ม แมนฯยู หล่นจากท็อป 4 ส่วนเบิร์นลี่ย์ ยังจมอยูที่อันดับบ๊วยต่อไป

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ทีมเจ้าถิ่น
เบิร์นลี่ย์ ทีมบ๊วยของพรีเมียร์ลี ลงสนามเตะนัดที่ 20 ของฤดูกาล เปิดบ้านสนามเทิร์ฟ มัวร์
ต้อนรับการมาเยือนของ ทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งลงเตะเป็นนัดที่ 23 ของฤดูกาล

เบิร์นลี่ย์ ส่งกองหน้าป้ายแดง เว้าต์ เวกฮอร์สต์ ยืนเป็นกองหน้าคู่กับเจย์ โรดริเกซ ส่วนแมนฯยู
ส่งเอดินสัน คาวานี่ ยืนเป็นหน้าเป้า มีเจดอน ซานโช่ บรูโน่ เฟอร์นานเดส และ มาร์คัส แรชฟอร์ด
คอยสนับสนุนเกมส์รุก กลาง ซ้าย ขวา ส่วนคริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั่งสำรอง

เริ่มต้นเกมส์ในครึ่งแรก ทีมเยือนเดินหน้าบุกแหลก นาทีที่ 12 บรูโน่ เฟอร์นันเดส เปิดบอลจากลูกตั้งเตะ
ขึ้นมาหน้าปากประตูเจ้าถิ่น ราฟาเอล วาราน ได้ขึ้นโหม่ง ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย แต่กรรมภารเช็คภาพ
จาก VAR แล้วไม่ให้เป็นประตู เพราะแฮร์รี่ แม็คไกวร์ ทำฟาล์วไปก่อนนี้

นาทีที่ 18 ปีศาจแดง ทำเกมส์บุกขึ้นมาอีกหน บรูโน่ เปิดบอลยาวจากกลางสนามออกมาทางฝั่งซ้ายให้
แรชฟอร์ด เลี้ยงพาบอลขยับขึ้นหน้า เข้าไปในกรอบเขตโทษ ลุ๊ค ชอว์ วิ่งอ้อมหลังไปรอบอล แรชฟอร์ด
หักข้อจ่ายบอลไปให้ ลุ๊ค ชอว์ รับบอลตรงริมเส้นหลัง แล้วตบบอลกลับออกมาหน้าประตูเจ้าถิ่น
บอลมาถึง พอล ป๊อกบา ได้ตั้งป้อมแปเน้นๆส่งบอลเข้าไปกองที่ก้นตาข่าย แมนฯยู ได้ประตูขึ้นนำ 0-1

ทีมเยือนยังเดินหน้าบุกกดดันต่อเนื่อง นาทีที่ 21 ลุ๊ค ชอว์ เปิดบอลโด่งจากฝั่งซ้าย บอลเลยไปเสาไกล
แรชฟอร์ด ตามมาเก็บบอล ก่อนจะเปิดบอลยัดเข้ามาหน้าปากประตู บอลกระดอนฟื้น จอร์จ บราวน์ฮิลล์
วิ่งมาตั้งใจสกัดบอล แต่พลาด จิ้มโดนบอลเข้าประตูตัวเองไป ขณะเดียวกันกรรมการข้างสนาม
ให้สัญญาณว่า มีการทำฟาล์ว พอล ป็อกบา ไปกดอีริค ปีเตอร์ส ในจังหวะก่อนหน้านั้น ชวดประตูที่ 2

ถัดมา ในนาทีที่ 33 ซานโช่ ลำเลียงบอลขึ้นมาทางซ้าย แล้วจ่ายบอลต่อไปให้ลุ๊ค ชอว์ที่ริมเส้นหลัง
ลุ๊ค ชอว์ ตวัดจ่ายบอลแนวขวางเข้ามาหน้าปากประตู บอลไปติดขา แม็คนีล ที่พยายามล้มตัว
ขวางทางบอล บอลลอยโด่งมาทางเสาสอง เอดินสัน คาวานี่ รอสะบัดหัวโหม่งจ่อๆ แต่ นิค โป๊ป
ผวาทั้งตัวเข้ามาขวาง สุดท้ายบอลโดนเข่านายทวารเจ้าถิ่น กระดอนออกไปด้านข้าง รอดการเสียประตู

นาทีที่ 37 ดาโลต์ เลี้ยงบอลแหวกแนวรับเจ้าถิ่นในกรอบเขตโทษ ก่อนจะจ่ายบอลมาให้ บรูโน่ จับบอล
เลี้ยงหลบกองหลัง แล้วสับไกยิงด้วยเท้าซ้าย แต่บอลไม่มีน้ำหนัก นิค โป๊ป ตระครุบบอลได้ติดมือ

ท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 40 แมนฯยู บุกขึ้นมาอีกหน เจดอน ซานโช่ เลี้ยงบอลแหวกแนวรับเจ้าถิ่นถึงเส้น
กรอบเขตโทษ แล้วสับไกยิง บอลไปติดกองหลังกระดอนไปถึงแรชฟอร์ด ทางฝั่งขวา ริมเส้นหลัง
แรชฟอร์ด จับบอลหนึ่งจังหวะแล้วสับไกยิงเต็มข้อ แต่นิค โป๊ป ยังปิดมุมปัดออกได้ทัน
หมดครึ่งแรก แมนฯยู นำเบิร์นลี่ย์อยู่ 0-1

เริ่มเกมส์ในครึ่งหลัง เล่นกันไม่ถึง 2 นาที แฟนบอลเจ้าถิ่นก็ได้เฮลั่นสนามเมื่อ เว้าต์ เวกฮอร์สต รับบอล
มาจากกลางสนาม หลอกกองหลังแมนฯยู หนึ่งจังหวะ แล้วตวัดจ่ายบอลให้ เจย์ โรดริเกซ กระชากเลี้ยง
บอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ รอจังหวะ เด เคอา วิ่งเข้ามาบล็อค แล้วแปบอล สวนตัวนายทวารปีศาจแดง
ส่งบอลไปกองที่ก้นตาข่าย เจ้าถิ่นไล่ตามตีเสมอเป็น 1-1 ในนาทีที่ 47

นาทีที่ 52 เว้าต์ เวกฮอร์สต ได้จังหวะสับไกยิงจากนอกกรอบ แต่ เด เคอา บินมาปัดบอลออกหลัง
เอาไว้ได้ นาทีที่ 60 ดไวท์ แม็คนีล เลี้ยงบอลลุยขึ้นหน้า เข้าเขตโทษก่อนจะจ่ายบอลออกไปทางขวาให้
เว้าต์ เวกฮอร์สต์ วิ่งตามมาสับไกยิงเต็มข้อ บอลเข้าข้างหน้าต่างไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 78 แรชฟอร์ดเลี้ยงบอลแหวกแนวรับเจ้าถิ่นไปจนสุดเส้นหลัง แล้วตวัดจ่ายบอลขวางเข้ามา
หน้าประตู ราฟาเอล วาราน ไขว้เท้ายิงด้วยเท้าซ้าย แต่นิค โป๊ป ยังป้องกันเอาไว้ได้ จังหวะต่อเนื่องกัน
แมนฯยู ได้เปิดบอลจากลูกเตะมุม ลุค ชอว์ เปิดบอลลอยโด่งจากฝั่งซ้ายโรนัลโด้ ได้ขึ้นโหม่ง
แต่บอลข้ามคานออกหลังไป เมื่อเล่นกันต่อจนหมดเวลา 90 นาที ก็ไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่ม

จบเกมส์ เบิร์นลี่ย์ เปิดบ้านเสมอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไป 1-1 แบ่งกันไปทีมละแต้ม แมนฯ ยูไนเต็ด
หล่นมาอยู่ อันดับ 5 หลังจากเวสต์ แฮม ยูไนเต็ด เอาชนะ วัตฟอร์ด ไปได้ 1-0 แซงขึ้นไปอยู่ที่อันดับ 4
ของตารางแทน ส่วนเบิร์นลี่ย์ ยังจมอยู่ท้ายตารางอันดับบ๊วยต่อไป

ภาพจาก
Fantasy Premier League (@OfficialFPL) / Twitter
Manchester United | Facebook
Manchester United (@ManUtd) / Twitter
Burnley FC (@BurnleyOfficial) / Twitter
Squawka Football (@Squawka) / Twitter
Premier League (@premierleague) / Twitter