ปีศาจแดง พ่าย อีกแล้ว บรูโน่พลาดจุดโทษ โดนทีมปืนใหญ่ เปิดบ้านเอาชนะไปได้ 3-1 ทีม”ปืนใหญ่” ขึ้นไปรั้งอันดับ 4

ส่วนทีมปีศาจแดง หมดโอกาสลุ้นโควต้าบอลยุโรปถ้วยใหญ่แน่นอนแล้ว คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ยิงประตูตีไข่แตก เป็นประตูที่ 100 ในพรีเมียร์ลีก มอบให้ลูกชายที่เพิ่งเสียชีวิต

ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่ประเดิมสนามในช่วงค่ำ คืนวันเสาร์ที่ 23 เมษายน 2565
เป็นเกมส์บิ๊กแมตช์ ของสัปดาห์ ทีม “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล เปิดบ้านสนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
ต้อนรับการมาเยือนของทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เจ้าถิ่น อาร์เซน่อล ก่อนหน้านี้เพิ่งจะบุกไปเอาชนะ เชลซี มาได้ 2-4 เกมส์ก่อนนั้นในลีกแพ้มา 3 นัดติดๆ
ส่วนนัดนี้ จัดทีมชุดใหญ่ลงทำศึก มี แอรอน แรมส์เดล ยืนเฝ้าเสา แผงกองหลังมี เซดริค โซอาเรส
เบน ไวท์,เกเบรี่ยล มากัลเญส และ นูโน่ ตาวาเรส กลางต่ำมี โมฮาเหม็ด เอลนินี่,กรานิต ชาก้า
แฝงกองกลางมี บูคาโย่ ซาก้า, มาร์ติน โอเดการ์ด, เอมิล สมิธ-โรว์ โดยเอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ยืนหน้าเป้า

ทางฝั่งทีมเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด ส่ง ราฟาเอล วาราน ลงสนามแทน แฮร์รี่ แม็คไกวร์ มี ดาบิด เด เคอา
ยืนเฝ้าเสา แผงหลังมี ดีโอโก้ ดาโลต์,วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ อเล็กซ์ เตลเลส แดนกลางมี สกอตต์
แม็คโทมิเนย์, เนมานย่า มาติช หน้าต่ำมี แอนโธนี่ อีแลงก้า,บรูโน่ เฟอร์นันเดส และเจดอน ซานโช่
ส่วนคริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลับมาลงสนามเป็นหน้าเป้าได้อีกครั้ง หลังจากไม่ได้ลงสนามในนัดที่
บุกไปพ่ายให้แก่ลิเวอร์พูล 0-4 เนื่องจากลูกชายเพิ่งเสียชีวิต

เริ่มเกมส์ในครึ่งแรก เจ้าถิ่น อาร์เซน่อล เปิดฉากเดินหน้าบุกตั้งแต่ต้นเกมส์ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0
ตั้งแต่นาทีที่ 3 จากจังหวะที่ กรานิต ชาก้า เปิดบอลยาวเข้าไปในแดนของปีศาจแดง แนวรับทีมเยือน
เข้าสกัดพลาด บอลมาถึง บูคาโย่ ซาก้า ทางเสาไกล จับบอลแล้วสับไกยิง ดาบิด เด เกอา
ปัดบอลได้ในจังหวะแรก แต่บอลกระดอนมาเข้าทาง นูโน่ ตาบาเรส วิ่งตามมายิงซ้ำเข้าประตูไป

เมื่อโดนขึ้นนำ ทีมเยือนก็ทำเกมส์บุกสวนกลับบ้าง นาทีที่ 6 โรนัลโด้ ได้บอลจากกลางสนาม
ก่อนจะจ่ายทะลุช่องแนวรับเจ้าถิ่น แอนโธนี่ อีแลงก้า วิ่งกวดตามมาเก็บบอลแล้วพาบอลเข้าไปใน
เขตโทษก่อนจะสับไกยิง แต่บอลไปติดตัว แรมเดลส์ นายทวารเจ้าถิ่น ก่อนที่ตาบาเรส
จะวิ่งตามมาเคลียร์บอลทิ้งออกหลังไปได้ จังหวะต่อเนื่องกัน แมนฯยู ได้ลูกเตะมุม อเล็กซ์ เตลเลส
เปิดบอลโด่งมาหน้าประตูถึงเสาไกล สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ได้ขึ้นโหม่ง แต่บอลหลุดกรอบออกหลัง

นาทีที่ 24 ดิโอโก้ ดาโลต์ ได้สับไกยิงจากระยะไกล บอลชนคานดังสนั่น พลาดโอกาสได้ประตูตีเสมอ

นาทีที่ 25 เจ้าถิ่นต่อบอลบุกเข้าไปในแดนของทีมปีศาจแดง สมิธ-โรว์ ไขว้เท้าส่งบอลทะลุช่องมาให้
เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ได้สับไกยิงระยะเผาขน แต่ ดาบิด เด เกอา ป้ดบอลไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ

นาทีที่ 27 ปืนใหญ่ทำเกมส์บุกเข้าไปในแดนของปีศาจแดงอีกหน บูคาโย่ ซาก้า ทำชิ่งบอลกับโอเดการ์ด
แล้ววิ่งไปรับบอลที่หน้าปากประตู แต่โดนแนวรับของแมนฯยู เข้าสกัดล้มลงในเขตโทษ บอลเด้งมาเข้า
ทาง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ วิ่งเข้ามาซัดตูมเดียว เข้าประตูไป แต่กรรมการชี้ว่าล้ำหน้า ไม่ให้เป็นประตู

แต่เมื่อเช็คภาพจาก VAR แล้วกรรมการเป่าให้เป็นลูกจุดโทษของอาร์เซน่อล จากจังหวะที่ ซาก้า โดนทำฟาล์ว
บูคาโย่ ซาก้า รับหน้าที่สังหารจุดโทษ อาร์เซน่อล ออกนำห่าง 2-0 ในนาทีที่ 32

นาทีที่ 34 ทีมเยือนทำเกมส์บุกขึ้นมา เจดอน ซานโช่ พาบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะจ่ายบอล
ย้อนคืนมาให้ เนมานย่า มาติช เปิดบอลโด่งมาทางเสาไกล คริสเตียโน่ โรนัลโด้ วิ่งเบียดแนวรับเจ้าถิ่น

วิ่งเข้ามาแปด้วยเท้าซ้ายส่งบอลเข้าประตูไป แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 2-1
เป็นประตูที่ 100 ในพรีเมียร์ลีก ของคริสเตียโน่ โรนัลโด้

ท้ายครึ่งแรก ทั้งสองทีม ทำเกมส์บุกเข้าใส่กันแบบแลกหมัด มีโอกาสพาบอลเข้าไปจบสกอร์
ทีมละหนสองหน แต่เมื่อจบครึ่งแรก ก็ไม่มีประตูเพิ่ม เจ้าถิ่น ขึ้นนำ ทีมเยือน อยู่ 2-1

เริ่มเกมส์ในครึ่งหลัง เจ้าถิ่นเดินหน้าบุกต่อเนื่อง นาทีที่ 51 ตาบาเรส ได้สับไกยิงจากนอกกรอบ
บอลโด่งข่ามคานออกหลังไป นาทีที่ 55 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เปิดลูกเตะมุมจากทางฝั่งซ้าย นูโน่ ตาบาเรส
ทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ กรรมการเป่าให้เป็นลูกจุดโทษ บรูโน่ เฟอร์นันเดส รับหน้าที่สังหารจุดโทษ
แต่บรูโน่ ยิงบอลไปชนเสา พลาดโอกาสได้ประตูตีเสมอไปอย่างน่าเสียดาย

กลายเป็นเจ้าถิ่น อาร์เซน่อล มาได้ประตูหนีห่างไปเป็น 3-1 ในนาทีที่ 70 จากจังหวะกรานิต ชาก้า
สับไกยิงระยะไกลจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสุดสวย

ทีมเยือนแม้จะโหมเกมส์บุกหนัก แต่ก็ไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่ม เมื่อหมดเวลาการแข่งขัน อาร์เซน่อล เปิดบ้าน
เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ 3-1 ลงเล่นไปแล้ว 33 นัด มีเพิ่มเป็น 60 คะแนนขยับขึ้นไปรั้ง
อันดับ 4 ของตารางคะแนน ส่วนทีม “ปีศาจแดง” มี 54 แต้ม จาก 34 นัด รั้งอันดับ 6 ของตาราง
พลาดโอกาสลุ้นขึ้นไปติดอันดับท็อป 4 เพื่อลุ้นโควต้าบอลถ้วยยุโรป แน่นอนแล้ว

ภาพจาก
https://www.facebook.com/Arsenal
Manchester United | Facebook