จ่าฝูงเค้ารีบ ไปต่อไม่รอใครแล้ว แมนฯซิตี้ บุกมาพลิกเอาชนะทีมปืนใหญ่ ได้ถึงถิ่น โกย 3 แต้มฉลองปีใหม่

โดยครึ่งหลัง เจ้าถิ่นต้องเหลือผู้เล่นในสนามเพียง 10 คน เมื่อเกเบรี่ยลได้ใบเหลืองที่สอง
เป็นใบแดงโดนไล่ออกจากสนาม ก่อนที่ทีมเยือนจะมาทำแสบ ยิงประตูชัยได้สำเร็จตอนท้ายเกมส์
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ คว้า 3 คะแนนแรกของปีใหม่กลับบ้าน เป็นของขวัญปีใหม่ให้แฟนบอล

ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดแรกของวันฉลองปีใหม่ ลงสนามเตะกันในช่วงหัวค่ำของ
คืนวันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นเกมส์บิ๊กแมตช์ระหว่าง“ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ทีมอันดับ 4 ของตาราง
เปิดบ้านสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนทีม“เรือใบสีฟ้า”ทีมจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้

โดยเกมส์ในนัดนี้มิเกล อาร์เตต้า กุนซือของทีมปืนใหญ่ ไม่ได้มาคุมทีมที่ข้างสนาม
อาร์เซน่อลได้ทากาฮิโระ โทมิยาสุ กลับมาลงสนามได้อีกครั้ง มีบูคาโย่ ซาก้าและกาเบรียล มาร์ติเนลลี่
คอยเดินเกมส์ริมเส้นซ้าย ขวา ส่วนมาร์ติน โอเดการ์ด คุมเกมส์ในแดนกลาง
คอยสนับสนุนเกมส์รุกให้ อเล็กซองดร์ ลากาแซต กองหน้าตัวเป้า

ส่วนทีมจ่าฝูง แมนฯ ซิตี้ ส่งเควิน เดอ บรอยน์ คอยปั้นเกมส์ในแดนกลาง โดยมีสามประสานแดนหน้า
อย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง,กาเบรียล เฌซุส และ ริยาด มาห์เรซ ช่วยกันทะลวงตาข่ายคู่แข่ง

เริ่มต้นเกมส์ในครึ่งแรก ทีมเยือน แมนฯซิตี้ ครองบอลทำเกมส์บุกได้มากกว่า มีโอกาสลองส่องประตู
ในนาทีที่ 4 จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งซ้ายเล่นบอลกันสั้นๆเควิน เดอ บรอยน์ ตักบอลโด่งมาหน้าปากประตู
กาเบรียล เชซุส เบียดแนวรับเจ้าถิ่นกระโดดขึ้นโหม่ง บอลเฉียดเสาออกหลังไป
นาทีที่ 10 อาร์เซน่อล ได้บอลบุกสวนกลับมาร์ติน โอเดอการ์ดเลี้ยงบอลเข้าไปในกรอบ 6 หลาแล้วถูก
เอเดอร์ซอน สกัดล้มลงแต่ผู้ตัดสินเฉย เกมส์เดินหน้ากันต่อ

นาทีที่ 14 ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เปิดบอลยาวจากเกือบครึ่งสนามฝั่งขวา เข้าไปในกรอบเขตโทษ
รูเบน ดิอ๊าซ ได้ขึ้นโหม่งเน้นๆ แต่บอลไม่เข้ากรอบ หลุดเสาแรกออกหลังไป
นาทีที่ 31 อาร์เซน่อล เจ้าถิ่นได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เมื่อคีแรน เทียร์นีย์ รับบอลมาจากกลางสนาม ก่อนจะพาบอล
ขึ้นมาทางซ้าย แล้วจ่ายบอลเข้ากลางไปหน้าประตูทีมเยือน บูคาโย่ ซาก้า วิ่งสอดเข้ามาสับไกยิงซัดเน้นๆ
ด้วยเท้าซ้าย ส่งบอลเสียบมุมเสาไกล เข้าไปตุงตาข่าย

นาทีที่ 39 อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ ได้บอลแล้วส่งต่อไปให้กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ บรรจงปั่นด้วยเท้าขวา
แต่บอลโค้งไม่พอ หลุดกรอบออกหลังไปอีกครั้ง จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล ขึ้นนำ แมนฯ ซิตี้ อยู่ 1-0

เริ่มเกมส์ในครึ่งหลัง เล่นกันไปได้ 10 นาที ทีมเยือน แมนฯ ซิตี้ มาได้จุดโทษจากจังหวะที่กรานิต ชาก้า
ไปดึงเบอร์นาร์โด้ ซิลวา ล้มลงในเขตโทษ กรรมการไม่เป่าในจังหวะแรก แต่เมื่อเช็คภาพจาก VAR
จึงกลับมาเป่าให้เป็นจุดโทษริยาด มาห์เรซ รับหน้าที่สังหาร ช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามมาตีเสมอ
เป็น 1-1 ในนาทีที่ 57

ถัดมาอีก 2 นาที ทีมเยือนพลาด เกือบแจกประตูให้เจ้าถิ่น เมื่ออายเมอริค ลาปอร์ต
จะโหม่งบอลคืนหลังให้ผู้รักษาประตู แต่บอลลอยข้ามตัว เอเดอร์ซอน กำลังจะเข้าประตูเดชะบุญ
นาธาน อาเก้ วิ่งตามมาเตะบอลทิ้งได้หวุดหวิด บอลลอยมาเข้าทางมาร์ติเนลลี่ ได้สับไกยิงซ้ำแบบโล่งๆ
แต่บอลก็ไม่เข้ากรอบ
ถัดมาอีกนาทีเดียว เจ้าถิ่นต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อเกเบรี่ยลไปดึงเกเบรียล เฌซุสล้มลงกลางสนาม
กรรมการแจกใบเหลืองที่สอง เป็นใบแดงถูกไล่ออกจากสนาม
เวลาที่เหลือแมนฯ ซิตี้ ได้โอกาสครองบอลบุกแหลก นาทีที่ 80 เจา กานเซโล่ ได้ตั้งป้อมสับไกยิงที่หน้า
กรอบเขตโทษ แต่บอลลอยโด่ง เหินข้ามคานออกไปอีก 

เกมส์ทำท่าจะจบลงด้วยการเสมอกันไป แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+3 เควิน เดอ บรอยน์
ตักบอลจากทางฝั่งขวา ลอยโด่งเข้ามาในกรอบเขตโทษหน้าประตูอายเมริก ลาปอร์ต ชิงโหม่งแล้วได้โอกาส
ตวัดยิงไปติดบล็อค บอลมาเข้าทาง โรดรี้ จิ้มบอลเข้าประตูไป เป็นประตูขึ้นนำในช่วงท้ายเกมส์ 1-2
ก่อนที่จะจบเกมส์ 90 นาทีเจ้าบ้าน อาร์เซน่อล ต้องพ่ายคาบ้านให้แก่ทีมจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป 1-2 
ทีมเรือใบสีฟ้า คว้าสามแต้มสำคัญมีเพิ่มเป็น 53 คะแนน จากการลงเตะ 21 นัด มากกว่าทีมอื่นๆอยู่ 1 นัด
ทิ้งห่างอันดับ 2 เชลซี ซึ่งเพิ่งลงเตะเพียง 20 นัด ไปถึง 11 คะแนน
ส่วน ทีม“ไอ้ปืนใหญ่” ลงเตะไปแล้ว 20 นัด มี 35 คะแนน รั้งอันดับ 4 ของตาราง

ภาพจาก
ManchesterCity(@ManCity)/Twitter
Arsenal (@Arsenal) / Twitter
@TrueVissions