Connect with us

Business

ดร.รักษ์ จอมทัพแห่ง Exim Bank เผย 3+1 ตลาดแห่งโลกอนาคต ที่คนทำธุรกิจต้องรู้

Published

on

Exclusive talk สำหรับ 2morrow Scaler รุ่นที่ 7

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) ให้เกียรติมาเป็นวิทยากรในสัปดาห์ที่ 2 ของหลักสูตร 2morrow Scaler รุ่นที่ 7 หลักสูตรของผู้บริหาร ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหลักสูตรเพื่อนักธุรกิจที่ต้องการ Scale และเติบโตที่ดีที่สุดหลักสูตรหนึ่งของประเทศไทย จัดโดย บจ. ดูเรียน คอร์ปปอเรชัน (DURIAN) ร่วมกับเหล่าพันธมิตร 2morrow Group และ FIRM ณ โรงแรมแลนคาสเตอร์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กล่าวว่า ปัจจุบัน SMEs ของประเทศไทยมีประมาณ 3 ล้านคน  SMEs มีแค่ 1 ใน 3 ที่เข้าถึงสินเชื่อ นอกนั้นต้องใช้ Credit Card, personal loan หรือไม่ก็หยิบยืมครอบครัว เพื่อนฝูง แสดงให้เห็นว่า นักธุรกิจภายในประเทศยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกที่ ถูกทาง ถูกเวลา และถูกราคา

ดอกเบี้ยของผู้ประกอบการรายใหญ่ อยู่ที่ประมาณ 1.75-1.98% ต่างกับผู้ประกอบการ SMEs ถึงหลายเท่าตัว มูลค่าของสินเชื่อทั้งหมดเกือบเท่า GDP ของประเทศไทย มิติทางด้านมูลค่า 18.3 ล้านล้านบาท ทั้งหมดนี้มีแค่ 1 ใน 5 ที่เป็นสินเชื่อของ SMEs แสดงให้เห็นถึงความหดหู่ของ SMEs ไทย หากยังอยู่ในประเทศ ผู้ประกอบการสามารถขอวงเงินจากธนาคาร ได้เพียง 10% เนื่องจากผู้ประกอบการ SMEs มาพร้อมกับความเสี่ยงจึงทำให้วงเงินค่อนข้างถูกจำกัด

SMEs ไทย เกือบ 10% เป็นซอมบี้ ไม่ตาย แต่ไม่โต

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กล่าวว่า “เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน มีคำที่เรียกว่า ‘No Laon No Land’ หากไม่มีที่ดิน ไม่สามารถมีวงเงินสินเชื่อได้ หากมาด้วยความฝัน ความคิด มาด้วยผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่ ธนาคารจะถามถึงหลักประกัน เกิดคำถามว่า ทำไม SMEs  ถึงมีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพียงแค่ 1 ใน 3 จากจำนวนทั้งหมดเกือบ 3 ล้านราย เป็นที่มาของความหดหู่ และปัจจุบันความหดหู่นี้ยังไม่ได้หายไป ทำให้นักเศรษฐศาสตร์รวมทั้งนักการเงินบอกว่า สิ่งที่เดินอยู่ในตลาดตอนนี้ เป็นซอมบี้เกือบ 10% ตัวอย่างเช่น ธุรกิจ ปั่น ทอ ฟอก ย้อม นั่นคือในกลุ่ม SMEs ถ้ายังอยู่ในประเทศไทยแล้วไม่สามารถต่อยอดได้ ธุรกิจไม่สามารถไปต่อและไม่มีที่ยืนอีกต่อไป”

คุณบอม โอฬาร วีระนนท์ CEO & Co-Founder DurianCorp.

หนี้เสีย (NPL) ของ SMEs ไทยมีกว่า 7.4%

NPL (Non performing loan)  ในระบบ SMEs มีอยู่ประมาณ 7.4 -7.5% ซึ่งถ้ามาตรการของรัฐห่วย มาตรการการยื่นหนี้ มาตรการการชำระหนี้หมดไป ตัวเลขนี้มีคนคาดว่ามันน่าจะแตะตัวเลข 10% อย่างง่าย ๆ แม้หลังสถานการณ์โควิด NPL ทั้งระบบดีขึ้น แต่ NPL ของ SMEs เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินว่า “THE  CHOSEN ONE” ถ้าไม่ถูกเลือก ไม่มีทางได้ไปต่อ ถ้าอยากไปต่อ ต้องอยู่ในส่วนไหน ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนของประเทศไทยอยู่ประมาณ 80 ปลาย ๆ มันเกินกว่าค่าลิมิต มันเลยส่วนที่เกินจะเป็น ธุรกิจ SMEs ของอยู่ในเครื่องช่วยหายใจ ถ้าถอดปลั๊กเมื่อไหร่ คงต้องโบกมือลาธุรกิจ

เวียดนามไม่ได้คิดว่าไทยเป็นคู่แข่ง เพราะ SMEs ส่งออกได้มากกว่าไทยหลายเท่า

เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ตอนนี้ประเทศเวียดนามไม่ได้คิดว่าไทยเป็นคู่แข่งอีกต่อไป ประเทศเวียดนาม Position ตัวเองอยู่ระหว่างสิงคโปร์กับจีน เขามีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs Exporter 10% มีนักรบเศรษฐกิจมือดี มากกว่าประเทศไทยสิบเท่า นี่คือเหตุผลที่เศรษฐกิจของประเทศเวียดนามเติบโตอยู่ประมาณ 7% แต่ประเทศไทย GDP เฉลี่ยอยู่ที่ 2% วันนี้เราเป็นเหมือนทีมท้ายตาราง ถ้าคุณไม่เปลี่ยนตัวเองก็จะเป็นอยู่แบบนี้ เพราะทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยน เปลี่ยนแบบที่ไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

2+1 สูตรสำเร็จในการใช้วงเงินสร้างธุรกิจ

“การมีวงเงินของธนาคาร สูตรในการทำธุรกิจ ต้องมี 2 + 1 มี 2 วงเงินหลัก และอีก 1 วงเงินสำรอง นี้คือการบาลานซ์บัญชีของตัวเอง ในจำนวนนี้จำเป็นต้องมีธนาคารของรัฐอยู่หนึ่งธนาคาร เพราะธนาคารของรัฐมีโครงการช่วยเหลือ ปีที่ผ่านมาธนาคารในภาคธุรกิจขึ้นดอกเบี้ย แต่ธนาคารของรัฐเพิ่งขึ้นดอกเบี้ย เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา” ดร.รักษ์ กล่าว

บรรยากาศในงาน 2morrow Scaler อย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง

3S + 1 ตลาดใหญ่แห่งอนาคตของคนทำธุรกิจ

ทั้งนี้ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ได้เสนอถึงหลักธุรกิจแห่งโลกอนาคตที่ประกอบไปด้วย  3S  ได้แก่

1. Sustainable Economy ตลาดคนรักษ์โลก ตลาดของธุรกิจสีเขียว โตขึ้นมากกว่า 20% อยู่ตลอด เป็นมูลค่าตลาดธุรกิจที่ยั่งยืน เป็นธุรกิจที่เหมาะกับการรักษ์โลก คือ สินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากขยะ, Plant-based Food และรถยนต์ EV Eco-tourism เป็นธุรกิจสำหรับอนาคต

2. Siver Economey ตลาดวัยเก๋า อีกไม่ถึง 20 ปีข้างหน้า เราจะเข้าสู่โลกใบใหม่ที่มีประชากร ประชากรผู้สูงอายุประมาณ 20-25% ของที่ขายผู้สูงอายุจะมีตลาดที่เยอะมาก ผู้สูงอายุมีกำลังซื้อและเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการมองหา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผ้าอ้อม และสิ่งของเครื่องใช้สำหรับผู้สูงอายุ เป็นสิ่งของที่ต้องเตรียมไว้ให้กับตลาดนี้

3. Sheconomy ตลาดตัวแม่ เมื่อการมี C Level มีประชากรที่เป็น Population ผู้หญิง ไม่ถึง 5% แต่ปัจจุบันมีมากกว่า 25% ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของธุรกิจและสามารถดูแลตัวเองได้ ธุรกิจที่ต้องมี ได้แก่ เครื่องสำอาง วิตามินชะลอวัย เสื้อผ้าแฟชั่น ตลาดออนไลน์ ผลิตภัณฑ์ดูแลรูปร่าง และเครื่องประดับ ตลาดนี้จะยิ่งมีคุณค่าหากไปหาพาร์ทเนอร์ข้ามแม่น้ำโขง พวกเขายังดูหนังไทย เสพเพลงไทย และมีความรักในความเป็นคนไทย

4. Halal เป็นอีกหนึ่งตลาดที่สำคัญ Halal เป็นตลาดใหญ่ 1 ใน 4 ของประชากรโลก เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ตัวอย่างในประเทศกาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย  มาเลเซีย การเข้าไปสมัครรอ certify ตรา Halal กับผลิตภัณฑ์ที่คณะกรรมการกลาง ทั้ง 11 จังหวัดในประเทศไทย ทำให้สามารถเปิดประตู เข้าไปอีก 1 โลก ที่มีอำนาจการจับจ่ายใช้สอย มากกว่าประเทศไทยถึง 10 เท่า คุณแค่เปลี่ยนโลก คุณสามารถเข้าไปอยู่ในโลกใหม่ได้

ครอบครัว 2morrow Scaler

จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่าหลักสูตร 2morrow Scaler เป็นโลกของการลงทุนและธุรกิจกว้างไกลขึ้นที่แท้จริง นอกจากได้เห็นถึงเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันแล้ว เรายังต้องมองไปยังอนาคต เพื่อรู้ก่อน เริ่มก่อน ทำให้ธุรกิจของคุณตอบโจทย์และก้าวทันโลกในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

#2morrowScaler #2MS7

#DURIAN #2morrowGroup #FIRM #ดร.รักษ์วรกิจโภคาทร

ดูข้อมูลหลักสูตรเพิ่มเติมได้ที่

https://2morrowscaler.com

https:www.duriancorp.com

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: