Connect with us

News

SCGJWD ธุรกิจโลจิสติกส์เบอร์ 1 ของไทย ขยายธุรกิจใหญ่ทั่วอาเซียน

Published

on

คุณชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติมาเป็นวิทยากรในสัปดาห์ที่ 8 ของหลักสูตร 2morrow Scaler รุ่นที่ 7 หลักสูตรการScaleและขยายธุรกิจที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในหลักสูตรของนักธุรกิจที่ดีที่สุดในประเทศไทย  จัดโดย บจ. ดูเรียน คอร์ปปอเรชัน (DURIAN)  ร่วมกับเหล่าพันธมิตร 2morrow Group และ FIRM ปัจจุบันจัดต่อเนื่องจัดมาถึงรุ่นที่ 7 โดยมีเครือข่ายทั้งผู้ประกอบการ นักธุรกิจชั้นนำ และมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เข้าร่วมหลักสูตรสามารถเติบโตและสามารถแข่งขันได้ในระดับประเทศและนานาชาติ ณ เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 5  มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา

คุณชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)

ธุรกิจคลังให้เช่า สู่ โลจิสติกส์เบอร์ 1 ของประเทศ

บริษัท JWD ก่อตั้งขึ้นมาตั้งปี 1979  ตั้งแต่สมัยคุณพ่อของคุณชวนินทร์ ในช่วงแรกทำเกี่ยวกับคลังให้เช่า คลังเก็บเอกสาร ตั้งแต่ปี 1979 – 1990 คุณพ่อเป็นคนทำเพียงคนเดียว ในส่วนของคุณชวนินทร์เข้ามาช่วยในธุรกิจตอนปี 1997 ช่วงที่ 2 จะเห็นถึงการบูรณาการเรื่อง logistics Supply Chain ทำในเรื่องคลังสินค้า, คลังเก็บรถยนต์ และ Cold Chain Logistics ช่วงที่ 3 เป็นช่วงที่ JWD เติบโตอย่างก้าวกระโดด ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นไป  

มีการวางแผนในการขยายงานเข้าไปในอาเซียน เพราะมองว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่เล็กเกินไป ด้วยความโชคดีที่เราคิดถูก โดยในปี 2019 เราเริ่มขยายไปในธุรกิจ B2C เนื่องจากก่อนหน้านั้นเราโฟกัสที่ธุรกิจ B2B มาโดยตลอด แต่ธุรกิจ B2C เป็นเทรนแห่งการเจริญเติบโต แต่เล่นยากกว่า B2B มาก อย่างตัวอย่างธุรกิจ ไปรษณีย์ไทย ที่ตั้งแต่ Flash Kerry เข้ามาทำให้ขาดทุน

คุณวิเชฐ ตันติวานิช ประธานหลักสูตรและผู้ร่วมก่อตั้ง 2morrow Scaler

ในด้านของความสำเร็จ คุณชวนินทร์มองว่าหากลูกค้าของเราสำเร็จ ธุรกิจก็สำเร็จด้วย ถ้าลูกค้าเราส่งออก – นำเข้าได้น้อย เราก็ไม่สามาราถที่จะเติบโตได้ เมื่อลูกค้าเราเติบโตได้ เราถึงจะเติบโตด้วย เราจึงจำเป็นต้องเลือกลูกค้า ต้องเลือกลูกค้าที่อยู่ในเทรนด์ของการเจริญเติบโต  เพราะเราไม่ได้มีเงินทุนมากมาย

ธุรกิจที่เป็น B2B อยู่ในแหลมฉบัง มหาชัย มีการทำแบบครอบวงจร  Big Change & Chance  บริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ประมาณเดือนกันยา ปี 2015  วันที่ 29 การเข้าตลาดถือเป็นการประสบความสำเร็จ ทำให้หุ้นเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ หุ้นในตลาดของ JWD เราเข้าไปด้วย 11 บาท ณ วันนี้อยู่ที่ 20 บาท จะเห็นได้ว่าธุรกิจมีการเจริญเติบโตขึ้น

คุณบอม โอฬาร วีระนนท์ CEO & Co-Founder DurianCorp.

จุดประสงค์ในการขยายเข้าไปในอาเซียน เรื่องที่น่าสนใจคือก่อนที่เราจะขยายเข้าไปในอาเซียน ในเมืองไทยในตลาดค่อยข้างมาอย่างแน่นอนแล้ว เช่น รถยนต์ สินค้าอันตราย ห้องเย็น แต่มีโอกาสในต่างประเทศ เราไปเปิดในประเทศในอาเซียน เช่น พม่า  ลาว เวียดนาม ฟิลิปินส์ อินโดนีเซีย ตลาดที่เราจะโฟกัสทั้งหมดหลังจากไปขยายในอาเซียนมา 8 ปี ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ กัมพูชา เป็นต้น เป็นประเทศที่มีตลาดค่อนข้างใหญ่

เพราะฉะนั้นธุรกิจ B2C ของ JWD ที่มีให้เห็น คือ Self – Storage ณ วันนี้เรากำลังจะมีครบ 9 สาขา เราโชคดีที่มีพาร์ทเนอร์ที่ดี บริษัทที่เราทำ Self – Storage CPN เพิ่ง เพิ่มทุน 30% วางเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นเบอร์ 1 ในเมืองไทย ในแง่ของตัวพื้นที่ กับสาขา ซึ่งวันนี้เราก็เป็นเบอร์ 1 เราจะมี 2 โมเดล คือ แฟลช ฟิด Store คือที่ลาดพร้าว และบางซื่อที่กำลังสร้างขึ้น และ Ecommerce, Full Fewment แม่ค้าออนไลน์ต่างๆใช้บริการเรา ก็คือบริษัท My Cloud เราไปถือหุ้น 20% ในการจัดการสินค้าออนไลน์

คุณอนุวัฒน์ งามประเสริฐกุล หุ้นส่วนสำนักงานกฏหมาย IAS Advisory Co.,Ltd

มี Art – Storage มีการส่งสินค้าที้เป็นของเย็น สินค้า B2C ถ้าเราลงไปแข่งเหมือนโมเดลอื่น ๆ คือขยายเป็นของตัวเอง ทำเงินได้เป็นพันล้าน แต่เราเลือกที่จะทำร่วมกัน ในเป็นการไปคุยกับไปรษณีย์ คุยกับแฟลชที่ทำ Marketing เก่ง ขายเก่ง JWD เก่งด้าน operation ควบคุมของเย็น มาจับมือกันทำให้เกิดว่าโมเดลอย่างนี้

ด้วยสถานการณ์โควิด ตั้งแต่ปี 2019 มีโควิดเรื่อยมา แต่จะเห็นว่ารายได้ของเราไม่ได้ลดลงสักปี ยอดขายตั้งแต่คุณชวนินทร์เข้ามา กลุ่มบริษัทมีรายได้ 4 ร้อยล้าน ก่อนเข้าตลาดมีรายได้ 2 พันกว่าล้าน ปี 2022 มีรายได้ 6 พันล้าน สิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมี 1 หมื่นล้านภายในปี 2025 มีช่องว่างอยู่ 4 พันล้าน ซึ่งวิธีการคือการขยาย ที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมาย รายได้ของเราเติบโตขึ้นทุกปี เกิดจากการที่เราบริหารความเสี่ยง ขยายตลาดเข้าไปในอาเซียน เพราะเมืองไทยในบางปีเศรษฐกิจแย่ลง ด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ไข้หวัดนก โควิด ประมงผิดกฎหมาย แต่จะเห็นว่ารายได้ของบริษัทเติบโตขึ้นทุกปี

คุณทนงศักดิ์ แซ่เอี้ยว กรรมการ บริษัท เริ่มใหม่ จำกัด (แบรนด์ Yuedpao)

JWD ควบรวม SCG ขยายธุรกิจสู่อาเซียน

JWD ควบรวมกับ SCG โดยประกาศเข้าไปในตลาดหลักทรัพย์ ประกาศกับผู้ถือหุ้น ว่าเราต้องการ Market Cap ในตลาด 1 แสนล้าน ในปี 2027  แต่ก่อนหน้านี้ JWD ต้องการจะมีรายได้ให้ถึง 1 หมื่นล้าน ภายในปี 2025 เราก็เดินทางนั้นมาตั้งแต่ปี 2019 – 2020 การที่เข้ารวมเป็น SCGJWD ที่มีมูลค่า 43,500 ล้าน การที่เราต้องเป้าหมาย เมื่อโอกาสมาถึง เราสามารถจะทำตามเป้าหมายได้

การรวมกันครั้งนี้มันตอบโจทย์ที่เราตั้งเป้าหมายเอาไว้ การเติบโตของเรามาจากการทำโมเดล Partner Ship การที่ร่วมกับบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง CJ Logistics เป็นบริษัทโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลี มีบริษัทที่สิงคโปร์ เราถือหุ้นท่าเรือในแหลมฉบัง มี Central Pattana ที่เข้ามาถือหุ้นในส่วน Self storage มีโปรษณีย์ไทย thai Union คลังห้องเย็นที่มหาชัย สยามกลกาล ณ วันนี้ รถ BYD ทั้งหมด JWD เป็นคนทำ Flash Express origin เราไม่ได้เป็นบริษัทที่ใหญ่มาก ก่อนรวมกับ SCG Market cap เราอยู่ประมาณ 2 หมื่นกว่าล้าน  ถือเป็นบริษัทที่ไม่ใหญ่ เมื่อเทียบกับพาร์ทเนอร์ของเรา ฐานลูกค้าของเรามีประมาณ 2,400 กว่าราย

JWD กับรางวัลการันตีความสามารถ

JWD  เป็นบริษัทที่ได้รับรางวัลมากมาย ได้แก่ เรื่อง Awards& Recognition ในการทำบริษัทเน้นในเรื่อง CG Good Covanance ทางบริษัมทำมาโดยตลอด ได้รับรางวัล SET AWARDS, BEST MANAGED COMPANIES, DEMING PRIZE, ICT EXCELLENT AWARDS, PRIME MINISTER’S EXPORT AWARD, EXPORT LOGISTICS MODEL AWARD เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พยายามทำควบคู่กับการขยายบริษัท รางวัลที่ได้รับทำให้ได้รับเงินกู้ต่าง ๆ เป็นส่วนในความสำเร็จด้านการระดมทุน

สิ่งที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในเรื่องยอดขาย

สิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จในตัวยอดขาย รายได้ไม่ได้ลดมาก คือเรื่องกระจายความเสี่ยง เรามี Stop At Nothing ตัวนี้เป็นส่วนสำคัญในการขยายบริษัท ด้วยด้วยสภาพเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาเรื่อง Economic Crisis, Pandrmic, War & Global Gas Price และ Technology Disruption นี่คือสิ่งที่บริษัททำมาตลอด

คุณอมรพรรณ บัณฑิตกฤษดา กรรมการ บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)

ด้วยความโชคดีที่ธุรกิจ โลจิสติกส์ เป็น Blackbone ของธุรกิจ เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีก็อยากจะค้าขาย เราก็พยายามค้าขาย มีฐานลูกค้า ช่วยลูกค้าในการขนส่ง นำเข้าส่งออก ทำให้ธุรกิจนี้ไปต่อได้ สามารถดำเนินธุรกิจไปอย่างต่อเนื่องได้  แต่ทั้งนี้ในการขยายธุรกิจมาเกือบ 8 ปี โดนลด rating ทุกปี เพราะเขาดูความสามารถในการคืนหนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สวนทางกับการขยายธุรกิจ ทางด้าน financial cost สูงขึ้น และยังมีเรื่อง Limited resources

ปัญหาที่เราพบคือมีงาน แต่ไม่รู้ให้ใครทำ หาคนทำไม่ได้ เหมือนมี 2 ทางที่ต้องตัดสินใจเดินคือ เดินไปคนเดียว โดยมี Market Cap 3 หมื่นล้าน มีรายได้หมื่นล้าน มีกำไรโอเค ในขณะที่ต้องหาเงินมาเพิ่มทุนด้วย กับอีกทางคือ Opponity จาก SCGL ที่ติดต่อเข้ามา ซึ่งเป็นการพูดคุยกันมา 2 ปี เป็นการมองว่าวัฒนธรรมองค์กรที่ต่างกัน บริษัทจะเดินต่ออย่างไร ทำให้ต้องคุยกันเยอะมาก

โดยมีเหตุผลในเรื่องทุน Debt to Equity ,Rating, financial cost, Limited resources เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดโอกาสนี้ขึ้นมา  ซึ่งอาจจะมาสิ่งที่ต้องปรับตัว แต่เราก็มองถึงความยั่งยืนของธุรกิจ ว่าการควบรวมกันครั้งนี้เป็นการดีลที่ดี เป็นดีลที่น่าศึกษาที่สุดใประเทศไทย และดีลใหญ่ที่สุดในวงการโลจิสติกส์

The Next Chapter ในครั้งนี้ มองเรื่องอะไร

มองในเรื่องของ Market Analysis & Key Trends High grown in D2C ในวันนี้การสั่งของออนไลน์ ซึ่งสิ่งที่จำเป็นคือการขนส่ง Reginalization & ASEAN ที่มีพาร์ทเนอร์ในฟิลิปินส์ จีน ที่ SCG ไปทำพาร์ทเนอร์ชิพเอาไว้ในเรื่องโลจิสติกส์ ทำให้เราได้รับงานโลจิสติกสื  จากรายจาก 30,000 กว่าล้าน เรามีรายได้จากต่างประเทศรวมกัน 4,000 ล้าน ได้ตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2027 เราควรมีรายได้จากต่างประเทศ ประมาณ 50% และในประเทศ 50% ตั้งเป้าหมายไว้

ภายในปี 2027 กับเป้าหมาย 100,000 ล้าน ทำไมถึงเป็นไปได้

เนื่องจาก SCG ทำสินค้าที่เป็น Volum base ทำให้ margin ของบริษัทต่ำมาก รายได้ของ SCG และ JWD มีกำไรเท่ากัน ประมาณ 600 ล้านต่อปี EPS อยู่ที่ประมาณ 0.56 สตางค์ EBUTDA เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว อยู่ที่ประมาณ 3 พันล้าน  Assets รวมกัน 36,422 ที่สำคัญคือ Shareholders’ Equity จาก 3,400 ล้าน กลายเป็น 24,000 ล้าน Debt to Equity จาก 2.2 ลดลงเหลือ 0.4  ทำให้เรา Cap Equity ระดมทุนได้ถึง 15,000 ล้าน โดยที่ไม่ต้องเพิ่มทุน ทำให้ตอบโจทย์ทั้งหมด

SCGJWD จิ๊กซอว์ธุรกิจที่ต่อกันอย่างลงตัว

ในเรื่องของ UnlockGrowth Potential ได้ เพราะเนื่องจากการระดมทุนได้ค่อนข้างสูง ทาง SCG เอง ในอดีต ไม่เคยลงทุนด้าน assets เลย เรื่องคลังสินค้า รถ 12,000 กว่าคัน เป้นการเช่าทั้งหมด SCG ลงทุนในเรื่อง telematic พฤติกรรมคนขับ ลงทุนระบบหลังบ้าน และลงทุนระบบคอลโทรเซนเซอร์ เรื่องพวกนี้ JWD ไม่เคยลงทุน เพราะเราลงทุนในเรื่อง assets ที่สามารถ grnarate เงินเป็นอันดับแรก การรวมกันทำให้เกิดเป็น capabilities ของเรา

ทำให้เห็นว่าเรามีศักยภาพในการทำทุก industry ไม่ว่าจะเป็น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอันตราย Food & Cold Chain, รถยนต์, Art, Document Relocation และ Self storage บริษัทมีเรือบาส 240 กว่าลำในเมืองไทยและกัมพูชา มีการขยายธุรกิจไปใน 9 ประเทศ รวมถึงประเทศจีน โดยมีพื้นที่ให้บริการ 2.3 ล้านตารางเมตร ในคลังสินค้า ห้องเย็น มี Auto Yard 12,000 of Total Flee Capabillity มี barges สำหรับขนของทั้งหมด 240 ลำ มีลูกค้ากว่า 2,400 ราย

ประสบการณ์ล้มเหลวกับธุรกิจ รวมกว่า 100 ล้านบาท

คุณชวนินทร์เล่าว่า เคยล้มเหลวกับการทำธุรกิจมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนกับเพื่อนทำบริษัทอยู่นอกตลาดขาดทุน 40 ล้าน ทำได้เดือนสองเดือนก็อยู่กันไม่ได้ เพราะความไม่เข้าใจกัน ล้มเหลวเกี่ยวกับการทำขนส่ง ขาดทุนไป 60 ล้านบาท และธุรกิจ Heal care ขาดทุน 20 ล้าน โดยรวมความล้มเหลวในการทำธุรกิจทั้งสิ้น 100 กว่าล้านบาท  ทำให้คุณชวนินทร์มีความไตร่ตรองและคิดรอบคอบในการทำธุรกิจ แต่จะไม่หยุดเชื่อ โดยใช้สิ่งที่เคยล้มเหลวมาเก็บไว้เป็นบทเรียน

ดูข้อมูลหลักสูตรเพิ่มเติมได้ที่

Website : 2morrowscalerDurianCorp

Facebook : 2morrowscalerDurianCorp

#2morrowScaler #2MS7 #หลักสูตรผู้บริหาร

#DURIAN #2morrowGroup #FIRM #ชวนินทร์บัณฑิตกฤษดา #SCGJWD

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: