Connect with us

Uncategorized

รักชนก ขุด! ตึก กสทช. งบ 2.6 ล้านบาท สงสัย… เริ่มตั้งแต่ปี 56 ยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จ

Published

on

รักชนก เผยนอกจากตึก สตง. ยังมีตึก กสทช. งบ 2.6 ล้านบาท ไม่มีทีท่าจะเสร็จ อาจต้องควักจ่ายเพิ่ม

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมข้อความระบุว่า

ตึกพันล้านร้อนๆมาเสริฟอีกตึกแล้วจ้า รอบนี้เป็นตึก กสทช งบ 2600ล้านบาท
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่าในยุครัฐบาลคนดีย์ ยุครัฐประหาร รัฐบาล คสช. ทำไมถึงขยันของบสร้างตึกกันฉ่ำทุกที่

วันนี้ กมธ. ติดตามงบฯ ลงพื้นที่ตึกใหม่ กสทช. ใหญ่ๆเบิ้มๆ ภายใต้งบ 2600ล้านบาท! + ค่าแบบกับค่าจ้างคุมงานอีก 100ล้านบาท ริเริ่มจ้างทำแบบตั้งแต่ปี56 แต่เริ่มสร้างตึก มกรา 62 ซึ่งจริงๆต้องเสร็จ ตั้งแต่ 65 แต่อ้างติดโควิด ไม่มีทีท่าว่าจะเสร็​จ
และปัจจุบัน กสทช. ได้บอกยกเลิกสัญญาจ้างไปแล้วด้วยเหตุผลร้อยแปดประการ ส่วนนึงเพราะ กสทช. ต้องการแก้แบบเพิ่มอีก ซึ่งแน่นอนว่าบอกเลิกสัญญาและการเปลี่ยนแบบก็ต้องควักจ่ายแพงขึ้นกว่าเดิมอีก

ทาง กมธ ติดตามงบฯ ได้ขอแบบแปลนและ BOQ รายการของต่างๆในตึกไปเรียบร้อยแล้ว ไม่เกิน 10วัน น่าจะได้ข้อมูลว่าไส้ในตึกนี้มีอะไรบ้าง จะหรูหราหมาเห่าเท่าตึก สตง. ไหม รอประชันกันได้เลย
แต่เรื่องที่น่าสนใจนอกจากเรื่องตึก 2600ล้านบาท สร้างไม่เสร็จ คือ

1)กระบวนการงบประมาณของ กสทช. เพิ่งจะได้รับรู้วันนี้ว่า นอกจากที่มาของบอร์ด/คณะกรรมการ จะไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนแล้ว กระบวนการงบก็ยังเป็นอิสระสูงมากถึงขนาดที่ไม่ต้องผ่านสำนักงบประมาณแผ่นดิน และไม่มีส่วนใดใดเลยที่ต้องให้สภาผู้แทนราษฎรซึ่งมาจากประชาชนพิจารณาแม้แต่บาทเดียว
เพราะกสทช. มีเงินรายได้จากค่าธรรมเนียมโดยจะเก็บไม่เกิน 2% จากรายได้ทั้งหมดของ “ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือกิจการ โทรคมนาคมตามกฎหมาย” ซึ่งปีนึงก็หลายพันล้านอยู่แล้วก็เอาตรงนี้มาบริหารจัดการเอง จึงไม่ต้องขอเงินจากงบประมาณ

ถ้าเอาตามที่สำนักงาน กสทช. บอก ระบวนการใช้งบจะเริ่มจาก สำนักงานเลขา กสทช. ทำคำของบประมาณ แล้วส่งให้คณะกรรมการซึ่งตั้งขึ้นเองโดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงบประมาณ 4-5คนมาช่วยปรับลด จากนั้นจะส่งไปรับฟังความเห็นจากคณะกรรมการDE ที่มีนายกเป็นประธาน และส่งเข้าบอร์ด เพื่อให้บอร์ดตั้งอนุมากลั่นกรองอีกรอบ แต่น่าแปลกมาก สิ่งที่สำนักงานบอกเรากับข้อเท็จจริงไม่ตรงกัน ข้อแรกสำนักงบประมาณบอกว่าไม่รู้ว่ามีกระบวนการนี้ และไม่น่าจะมีการส่งคนจากสำนักงบประมาณเข้ามาช่วยกลั่นกรอง ข้อสอง ตัวบอร์ด กสทช. ผู้ที่จะอนุมัติงบประมาณหลายพันล้าน ในปีที่ผ่านมาได้เห็นคำของบประมาณก่อนวันที่ต้องอนุมัติ เพียง 3วัน แล้วจะไปตั้งอนุเพื่อกลั่นกรองได้ยังไง มีใครโกหกใครหรือกระบวนการตรงไหนอยู่ในหลุมดำอีกแล้วหรือป่าว

2)อัตรากำลังพลจะเพิ่มเท่าไหร่ก็ได้ไม่จำกัด บอร์ดสามารถพิจารณาเองได้เลย ซึ่งถ้าเป็นกำลังพลข้าราชการต้องขอเพิ่มผ่าน กพ. ถ้าเป็นกำลังพลรัฐวิสาหกิจต้องขอเพิ่มผ่าน สคร. แต่ กสทช เคาะเองเพิ่มเองได้เลย ซึ่งจะตามมาด้วยการที่ใช้งบประมาณอย่างบานปลาย ได้รู้มาว่าเค้ามีการแจกเข็มที่เป็นทองแท้ 100% ให้กับคนเกษียณอายุด้วยนะ น่าอิจฉาแทนหน่วยงานอื่นจริงๆ

3)อีกทั้งยังมีกองทุน กทปส. ที่มีเงินเป็นหมื่นๆล้าน หยิบใช้กันสบายมือ ส่วนนึงเอาไปทำโครงการ USO จุดประสงค์ลดความเหลื่อมด้านอินเตอร์เนต แต่ไส้ในก็มีการทุจริตเอื้อประโยชน์กันแหลกลาน และยังเป็นเหมือนกองทุนที่หน่วยงานรัฐหรือผู้มีอำนาจมาควักเงินไปใช้เมื่อไหร่ก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ที่เอาเงินไปซื้อลิขสิทธฺ์บอลโลก 600ล้าน แต่สุดท้ายคนไทยไม่ได้ดูฟรี ทั้งๆที่ทรูจ่ายแค่ 300ล้าน เป้นคดีฟ้องร้องซึ่งไม่รู้ว่าใครต้องคืนเงินเท่าไหร่จนถึงทุกวันนี้

4)ทุกคนอาจจะยังไม่ทราบ 5ปี มาแล้วนะคะ ที่ กสทช. ยังไม่มีเลขาจริงๆสักที อีกทั้งตัวประธาน กสทช. เองก็มีข้อครหาในคุณสมบัติ และที่สำคัญคือ กสทช. ก็ได้ชี้ว่าเป็นองค์กรที่มีความขัดแย้งภายในสูงมากเพราะมีฝั่งที่ยอมให้นายทุนค่ายมือถือ ‘จูงจมูก’ กับฝั่งที่ไม่ยอมสยบ

เป็นองค์กรที่ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างเพราะผู้นำไร้ความสามารถ มาตารอะไรในการกำกับดูแลผู้ให้บริการก็หละหลวมไม่กล้าแตะต้องกลุ่มทุรสักเรื่อง ทั้งเรื่องการจัดการปัญหา SMS สแกมหลอกลวง เสาร์เนตเถื่อนตามชายแดนและเบอร์ม้าที่เอื้อแก๊งคอลเซนเตอร์ ทุกอย่างคืบหน้าช้ามาก

เป็นอีกหน่วยงานที่ไอซ์อยากให้ทุกคนสนใจ เพราะเราจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือกันทุกเดือน บางคนจ่ายรายวันด้วยซ้ำ กฏหมายให้อำนาจเค้าดำเนินการอย่างอิสระเพื่ออยากให้อยู่เหนือการควบคุมของฝ่ายการเมืองและกลุ่มทุน แต่วันนี้ชัดเจนแล้ว ว่าองค์กรนี้ถูกครอบงำด้วยกลุ่มทุนกลุ่มใด

ค่าเนตน่ามือถือจริงๆมันก็เหมือนค่าไฟ เป้นสัมปทานของนายทุนที่เราต้องจ่ายกันทุกเดือน และมันค่อยๆซึ่งหลายๆคนอาจจะไม่สังเกตเห็นว่าหลังการควบรวมเราต้องจ่ายเพิ่มขึ้นโดยที่คุณภาพลดลง เรื่องนี้ไม่ใช้เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเรื่องทำอย่างตั้งใจ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปตามระเบียบและกฏหมายทุกประการ และคนที่เดือดร้อน สุดท้ายไม่แคล้วประชาชนตาดำๆอีกตามเคย

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: