Connect with us

News

บันทึกความทรงจำ ครูสาวลาออกจากราชการ ลั่นทิ้งท้าย! ครูที่สบายคือครูที่ตายแล้วกับครูที่ไม่ทำงาน

Published

on

ครูสาว เปิดเหตุผล ลาออกจากราชการ เผย อาชีพครูไม่ง่าย แลกมาด้วยทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ชื่อ Sunsanee Wonghong ได้โพสต์เรื่องราวความทรงจำขณะตนเองเป็นคุณครู โดยระบุว่า

ลาออกจากราชการ บันทึกความทรงจำ ณ 1 พ.ค. 2566
อดีต : นางสาวศันสนีย์ วงศ์หงษ์
ปัจจุบัน : นางศันสนีย์ มุกดาหาร
ประวัติการศึกษา

  • ปริญญาตรี สังคมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
  • ปริญญาโท สาขาการสอนสังคมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
    ประวัติการทำงาน
  • 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย โรงเรียนหนองบอนวิทยาคม จังหวัดตราด สพม.17
  • 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ตำแหน่ง คศ.1 โรงเรียนแกลง“วิทยสถาวร” จังหวัดระยอง สพม.18
  • 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ตำแหน่ง คศ.2 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี สพม.จบตร
  • 27 มีนาคม พ.ศ. 2566 ยื่นคำร้องขอลาออกจากราชการ โดยมีคำสั่ง สพม.จบตร ที่ 101/2566 อนุญาตให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาลาออกจากราชการ มีผลตั้งแต่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
  • รับราชการรวม 10 ปี 8 เดือน 24 วัน
    สิ่งที่ภาคภูมิใจในอดีตที่ผ่านมา ❤
  • การสอบบรรจุเป็นข้าราชการครูได้ลำดับที่ 4 ของเขต
  • เรียนจบปริญญาโทด้านการสอนมาอย่างเข้มข้นจนหยดสุดท้าย
  • ทุ่มเทกับการสอนมาอย่างดีตลอดอายุราชการ
  • ทุ่มเทกับงานราชการมาอย่างหนักไม่เคยแผ่ว
  • การเป็นครูบรรจุใหม่ที่หนองบอนวิทยาคมทำให้มีโอกาสทำงานพิธีกรจากการชักชวนของพี่ปัท จากคนที่พูดน้อยมากจนกลายเป็นความสามารถพิเศษในปัจจุบัน และเป็นทักษะติดตัวที่ต่อยอดในการรับราชการได้อย่างดี
  • และไม่ว่ารับราชการอยู่ที่โรงเรียนไหน ศันสนีย์พบว่า ได้โอกาสทำงานสำคัญๆอยู่เสมอ ตำแหน่งล่าสุดที่ได้รับก่อนลาออก : หัวหน้างานสภานักเรียน : รองหัวหน้าระดับ ม.4 และมีส่วนร่วมกับงานสำคัญๆของโรงเรียนจากการเป็นหัวหน้างานสภานักเรียนอีกมากมาย

คำถามที่หลายคนคงถามตรงกันคือ ลาออกทำไม???

ในช่วงแรกที่ตัดสินใจบอกคนอื่นน้อยมาก เพราะงานเยอะยังไม่พร้อมจะตอบคำถามใครนัก พอเวลาผ่านไปก็เริ่มบอกคนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานเพื่อให้เขาได้เตรียมวางแผนก่อนที่เราจะออก

ลาออกทำไม…ขอตอบในส่วนที่อยากตอบและอยากสื่อสาร จะได้เข้าใจตรงกันว่าทำไมศันสนีย์ไม่ไปโรงเรียน

  1. ชีวิตการเป็นครูของศันสนีย์ในปัจจุบันนั้นเหนื่อยและหนักหนามาก สมกับคำว่า “คุรุ” ที่แปลว่า หนัก ตั้งแต่รับราชการมา ไม่เคยมีคำว่าสบาย ใครที่บอกอาชีพครูสบายนี่อยากให้มาลองเลย
  2. ศันสนีย์ไม่ได้เป็นครูอย่างเดียว เป็นชาวสวนด้วย และเป็นสิ่งที่ทิ้งไม่ได้ เดิมจันทร์-ศุกร์ กลางวันและกลางคืนทำงานโรงเรียน เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดอื่นๆทำงานสวน แต่ปัจจุบันพบว่างานโรงเรียนได้กลืนกินชีวิตศันสนีย์ไปทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว แทบไม่มีเวลาให้กับสวนหรือการพักผ่อนเลย เสาร์-อาทิตย์ กลางวันกลางคืนยังนั่งพิมพ์งานแง็กๆอยู่หน้าคอม งานโรงเรียนหลอกหลอนทั้งวันทั้งคืน ช่วงเวลาสำคัญของสวนเช่นการแต่งลูกและการขายมันเป็นดิวสำคัญมาก แต่ก็มาไม่ได้ต้องไปโรงเรียน
  3. เหตุผลจากข้อ 1 เริ่มทำให้ศันสนีย์ เริ่มกินข้าวไม่ตรงเวลาจนถึงไม่ได้กินข้าวเที่ยงหลายครั้ง ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นเลย และเมื่อต้องทำสวนด้วยแน่นอนว่าคำว่าพักผ่อนจึงไม่มีบนโลกของศันสนีย์ เป็นครูก็หนัก ทำสวนก็หนัก ร่างกายและจิตใจก็เริ่มพังเรื่อยๆ คนที่ทำอาชีพครูอย่างเดียว หรือทำสวนอย่างเดียวจึงอาจไม่เข้าใจ
  4. ความคิดว่าจะลาออกไม่ได้พึ่งเกิดขึ้น เกิดขึ้นมาไม่ต่ำกว่าปีแล้วแค่ไม่ได้พูดกับใครเยอะ อยู่ๆเป้าหมายของชีวิตก็คือการลาออกเฉย ถามว่าทำไม? เราเบื่อระบบหลายๆตรงที่มันทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เป็นระบบที่บ้าเอกสารมาก ต้องปั่นเอกสารหนาๆเยอะมาก แต่ไม่ได้มีใครอ่านหรอก ดูแค่ว่าปกคืออะไรหนาไหม ส่งยัง จบ!! แล้วก็เบื่อวิถีของครูที่บ้าการแข่งขัน ไม่อยากแข่งก็ต้องแข่ง เพื่อชื่อเสียงของโรงเรียน เพื่อให้มีผลงาน เด็กบางกลุ่มบางคนเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ โดยเฉพาะแข่ง ศปหถก. เอาจริงๆนะส่งครูแข่งเถอะ หมดงบกันไปเท่าไหร่ ความรู้สึกส่วนตัวมองว่า เรากำลังหลงทางกันรึป่าว สิ่งที่เราควรโฟกัสคือการสอนในห้อง งานสอนมันต้องมาลำดับ 1 ไม่ใช่งานพิเศษ ไม่ใช่งานอื่น และก็มีอีกหลายประเด็นที่คนเป็นครูก็รู้กันดี การรอให้อายุราชการครบ 25 ปีแล้วค่อยลาออก สำหรับศันสนีย์จึงเป็นไปได้ยากมากๆ
    5.สุดท้ายก็ตกตะกอนว่า… การรับราชการครูดีนะ ศันสนีย์ภูมิใจที่ได้รับราชการครู เงินเดือนดีกว่าราชการอื่นๆ มีสวัสดิการให้นั่นนี่ แต่สิ่งที่ต้องแลกคือสุขภาพกาย ใจ เวลา ชีวิต ที่ต้องทุ่ม ณ ตอนนี้เริ่มมองว่ามันไม่คุ้ม ครูที่สบายคือครูที่ตายแล้วกับครูที่ไม่ทำงาน เราเป็นคนทำอะไรจริงจังและทุ่มเท การให้เราหลอยๆค่อยๆลดงานจนเป็นครูที่ไม่ทำงาน ไม่ใช่วิถีของศันสนีย์…อาชีพครูก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่มันแค่ไม่เข้ากันกับสิ่งที่เราเป็นในปัจจุบันแล้ว ในอดีตเป้าหมายของชีวิตคือการเติบโตในชีวิตราชการ แต่ปัจจุบันความคิดเปลี่ยนไป เป้าหมายของชีวิตเราคือการได้ใช้ชีวิต มีสุขภาพกายใจที่ดี และมีเวลากับครอบครัว

จากเหตุผลทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันก็มาประจวบเหมาะกับจังหวะของครอบครัว สวนที่ต้องการการดูแล แม่ก็เริ่มสุขภาพไม่ดี คิดว่าการทุ่มเทชีวิตให้กับครอบครัวมันเป็นเรื่องที่ดีกว่า เสียดายอยู่สองอย่างคือ การไม่ได้สอนนักเรียนแล้วเพราะเราชอบสอน และจะต้องห่างออกมาจากมิตรภาพของเพื่อนร่วมงานที่น่ารักมากๆ

สุดท้ายนี้ ถ้าใครคิดจะลาออกก็ขอให้ไตร่ตรองให้ดี คำถามที่ต้องตอบให้ได้คือ

  1. ลาออกแล้วจะไปทำอะไร มีรายได้มาจากไหน จะใช้ชีวิตอย่างไร
  2. ต้องถอดยศถาบรรดาศักดิ์กลายมาเป็นคนธรรมดา รับได้หรือไม่
  3. เมื่อไม่ได้รับสิทธิราชการของเราแล้ว เราจะดูแลตัวเองและครอบครัวอย่างไร
  4. ก่อนออกต้องศึกษาว่าเราจะได้สิทธิอะไรจากราชการบ้าง และวางแผนให้ดี
    (ของเรารับราชการเกิน 10 ปี มีสิทธิรับบำเหน็จและ กบข.)
  5. ดูเงื่อนไขการลาออกด้วยว่าอยู่ในเงื่อนไขเหล่านี้หรือไม่ ต้องไม่อยู่ในช่วงลาศึกษาต่อ ใช้ทุน อยู่ระหว่างถูกสอบวินัยหรือคดี ที่สำคัญถ้ามีหนี้ต้องเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อน
  6. ยื่นคำร้องขอลาออกไม่น้อยกว่า 30 วันต่อผู้บังคับบัญชา

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: