ศึกฟุตบอลโลก 2022 เมื่อช่วงค่ำเวลา 20.00 น.ของคืนวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทย ที่สนาม คาลิฟา อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม ทีม”สิงโตคำราม” อังกฤษ ตัวแทนจากทวีปยุโรป ลงประเดิมสนาม พบกับทีม”นักรบแห่งเปอร์เซีย”ทีมชาติอิหร่าน ตัวแทนจากทวีปเอเชีย
ทีมชาติอังกฤษลงสนามในระบบ 4-2-3-1 มี จอร์แดน พิคฟอร์ด ยืนเฝ้าเสา แผงหลังจากขวาไปซ้ายมี คีแรน ทริปเปียร์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็คไกวร์ และ ลุค ชอว์ กลางต่ำมี เดแคลน ไรซ์และ จู๊ด เบลลิ่งแฮม หน้าต่ำจากซ้ายไปขวา ราฮีม สเตอร์ลิง , เมสัน เมาท์ , บูคาโย่ ซาก้า โดยมี แฮร์รี่ เคน ยืนเป็นหน้าเป้า
ทีมชาติอิหร่าน ลงสนามในระบบ 5-4-1 มี อาลีเรซ่า เบรันวานด์ ยืนเฝ้าเสา แผงหลังมี ซาเดก โมฮารามี่, มอร์เตซ่า ปูราลิกานจี, มายิด ฮอสเซนี่, มิลาด โมฮัมมาดี้, รูซเบห์ เชสมี่ แดนกลางมี อาห์หมัด นูรอลลาฮี , เอห์ซาน ฮาจซาฟี่, อลิเรซา จาฮานบัคห์ช , อาลี คาริมี่ , ซาเดคห์ โมห์ฮาร์รามี่ โดยมี เมห์ดี้ ตาเรมี่ ดาวยิงจากปอร์โต้ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า
เริ่มเกมส์ในครึ่งแรกอังกฤษ เดินหน้าเปิดเกมส์บุกเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกมส์ นาทีที่ 8 มีโอกาสได้ลุ้นประตูจากลูกยิงของแม็กไกวร์ แต่บอลไม่เข้ากรอบ
จนนาทีที่ 35 อังกฤษมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ลุค ชอว์ เปิดบอลเข้ามาหน้าปากประตู
จู๊ด เบลลิ่งแฮม วิ่งสอดมาโหม่งเช็ดบอลลอยย้อย
เข้าประตูไป
ช่วงท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 44 อังกฤษมาได้ประตูขึ้นนำเป็น 2-0 จากลูกเปิดเตะมุม แฮร์รี่ แม็คไกวร์ โหม่งบอลได้ในจังหวะแรกบอลมาถึง บูกาโย่ ซาก้า หวดตูมเดียวด้วยลูกฮาลฟ์วอลเลย์เท้าซ้าย ส่งบอลลอยเสียบคานเข้าประตูไปอย่างสวยงาม
อีก 2 นาทีถถัดมาในช่่วงทดเวลาบาดเจ็บ อังกฤษ
ได้จังหวะบุกสวนกลับขึ้นมาในแดนของอิหร่าน แฮร์รี่ เคน เบียดแนวรับอิหร่านบังทาางบอล ก่อนจะตวัดจ่ายบอลเข้ามาหน้าปากประตู ราฮีม สเตอร์ลิ่ง วิ่งตามมาเเหย่เท้าจิ้มบอล เข้าประตูไปอย่างสุดคม
หมดเวลาครึ่งเเรก อังกฤษขึ้นนำอิหร่านอยู่ 3-0
เริ่มเกมส์ครึ่งหลังทีมชาติอิหร่าน พยายาม เปิดเกมส์บุกเข้าสู้หวังทวงประตูคืน เเต่กลายเป็นต้องมาเสียประตูลูกที่ 4 จากจังหวะที่ บูคาโย่ ซาก้า เลี้ยงพาบอลหลบแนวรับอิหร่านเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะตวัดเท้าสับไกยิง ส่งบอลพุ่งเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสุดสวย อังกฤษขึ้นนำห่างเป็น 4-0 ในนาทีที่ 62
นาทีที่ 65 อิหร่านมาได้ประตูตีไข่เเตกจากจังหวะ
ตัดบอลได้จากกลางสนามแล้วสวนกลับ จ่ายบอลเร็วเข้าไปในเขตโทษ เมห์ดี้ ตาเรมี่ วิ่งสอดแนวรับของทีมชาติอังกฤษเข้ามาตวัดเท้ายิงเร็ว ส่งบอลพพุ่งเสียบใต้คานเข้าประตูไปอย่างสวยงาม อิหร่านได้ประตูตีไข่แตก ไล่ตามมาเป็น 4-1 ในนาทีที่ 65
ต่อมาอังกฤษเปลี่ยนตัวสำรองในตำแหน่งกองหน้าลงมายกแผง มาร์คัส แรชฟอร์ด ตัวสำรอง ซึ่งเพิ่งลงสนามมาได้ไม่ถึงนาทีก็แผลงฤทธิ์ ยิงประตูที่ 5 ให้กับทีมสิงโตคำราม อังกฤษขึ้นนำเป็น 5-1 ในนาทีที่ 71
สกอร์ยังไหลไม่หยุดช่วงท้ายเกมส์นาทีที่ 90 จังหวะสวนกลับเร็วของทีมชาติอังกฤษ คัลลั่ม วิลสัน วิ่งควบตามบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษของอิหร่าน
ไปจนเกือบสุดเส้นหลัง ก่อนที่จะตวัดจ่ายบอลกลับมาหน้าปากประตู เเจ็ค เกรียลิช วิ่งมาตั้งป้อมยิงจ่อๆ ส่งบอลเข้าไปกองที่ก้นตาข่าย ขยับสกอร์เป็น 6-1
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 10 นาที ในนาทีที่90+13 อิหร่านมาได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะชุลมุน
กันที่หน้าประตูของอังกฤษ ผู้ตัดสินเช็คภาพจาก VAR แล้วให้เป็นลูกจุดโทษของทีมชาติอิหร่าน
ตาเรมี่ รับหน้าที่สังหาร ส่งบอลเข้าประตูไปอย่างเยือกเย็น
เมื่อหมดเวลาการแข่งขัน ทีมชาติอังกฤษประเดิมสนามฟุตบอลโลก 2022 ได้อย่างสวยหรูอีกครั้ง
โดยการเอาชนะทีมชาติอิหร่านไป 6-2 เก็บ 3 คะแนนแรกในนัดประเดิมสนาม ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม บี. ในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
ขอบคุณภาพจาก
@ FIFA World Cup
@ England football team