Gartner วิจัยและที่ปรึกษาระดับโลก รายงานยอดขายสมาร์ตโฟนทั่วโลก ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2020อยู่ที่ 295 ล้านเครื่อง ลดลง 20.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
โดยยอดขายสมาร์ตโฟนของ Samsung ลดลง 27.1%
Huawei ลดลง 6.8%
Xiaomi ลดลง 21.5%
Oppo ลดลง 15.9%
และ iPhone ของ Apple ลดลง 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
จะเห็นว่ายอดขาย iPhone ค่อนข้างทรงตัว
ในขณะที่คู่แข่ง เช่น Samsung, Xiaomi และ Oppo ลดลงเป็นเลขสองหลัก
“ด้วยข้อจำกัดด้านการเดินทาง, การปิดร้านค้าปลีก และการใช้จ่ายอย่างรอบคอบของผู้บริโภค โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วงโควิด-19 ทำให้ยอดขายสมาร์ตโฟนในปีนี้ ลดลงติดต่อกันเป็นรายไตรมาสที่ 2” Anshul Gupta ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยอาวุโสของ Gartner กล่าว
“สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในจีน ช่วยให้ Apple เติบโตในประเทศได้นอกจากนี้การเปิดตัว iPhone SE รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นราคาประหยัด ยังช่วยผลักดันให้ผู้บริโภคหันมาเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่กันมากขึ้น”
Annette Zimmermann รองประธานฝ่ายวิจัยของ Gartner กล่าว
อย่างไรก็ดี แม้ยอดขาย iPhone ในจีนจะเพิ่มขึ้นแต่ยอดขายสมาร์ตโฟนโดยรวมในจีน ลดลง 7% ในไตรมาสที่ 2 โดยมียอดขายประมาณ 94 ล้านเครื่อง หรือก็คือ iPhone ในจีน โตสวนทางตลาดสมาร์ตโฟนที่ซบเซา
ทั้งนี้ Apple ได้ขึ้นแท่นเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ล้มแชมป์เก่าอย่าง Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติซาบุฯ ในช่วงเดือนที่ผ่านมา และสร้างความฮือฮา ด้วยการเป็นบริษัทที่มีมูลค่าแตะ 2,000,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้สำเร็จ
โดยปัจจุบัน Apple มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 2,135,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (66.9 ล้านล้านบาท)
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดว่า หากมีการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ที่รองรับเทคโนโลยี 5G ยอดขาย iPhone และมูลค่าบริษัทของ Apple จะสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกมาก ซึ่งถ้าเป็นไปอย่างที่คาดไว้จริง นอกจากสาวก Apple ที่พร้อมยินดีกับความสำเร็จของแบรนด์แล้วอีกหนึ่งคนที่อมยิ้มอยู่ คงไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจาก “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ซึ่งบริษัท Berkshire Hathaway ของเขา เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Apple โดยถือหุ้นอยู่ 245,155,566 หุ้น หรือ ปัจจุบันคิดเป็นมูลค่ากว่า 3.8 ล้านล้านบาท
You must be logged in to post a comment Login