กัณวีร์ ร่ายยาว แนะรัฐบาลไทย ปมขัดแย้งกัมพูชา อย่ารอแต่ JBC เตือน ไทยเสียเปรียบไปถึงสมรภูมิเกาะกูด
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
เปิดจุดอ่อนรัฐบาลไทยในสมรภูมิช่องบก กับความล่าช้าในการวิเคราะห์เป้าประสงค์ของกัมพูชาที่มีท่าทีฉีก MOU 43 อาจทำให้ไทยเสียเปรียบไปถึงสมรภูมิเกาะกูด
ฟังนักวิเคราะห์หลายท่านวิเคราะห์สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แล้วน่าสนใจ คงต้องประเมินกันให้ดีที่จุดหมายปลายทางของการรุกคืบเผชิญหน้าและท้าทายของประเทศกัมพูชาต่อไทยในครั้งนี้ ขอย้ำนะครับว่า “ประเทศ” คือรัฐบาลของกัมพูชาเท่านั้น ไม่ใช่ “คนกัมพูชา” !!
กัมพูชา เป็นประเทศที่ผ่านสมรภูมิรบมาหนักหนา ผ่านวิกฤตต่างๆ ที่เราทราบดีถึงการต่อสู้ในการเมืองภายในกัมพูชาเอง ผ่านการล่าอาณานิคม และหลุดพ้นจากลัทธิอาณานิคมเป็นประเทศเอกราชได้ต้องผ่านอะไรมาเยอะแยะมากมาย ทั้งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการต่อสู้ทางวิกฤติการเมืองต่างๆ
จากกษัตริย์ถึงพลเรือนมานำประเทศ การคงอยู่ของความนิยม (popularity) ของผู้นำที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากประชากรประมาณ 15 ล้านคนคงต้องมีประเด็นที่สามารถดึงดูดความสนใจของคนในชาติส่วนใหญ่ให้สนับสนุนระบบผู้นำในปัจจุบันของกัมพูชาให้ได้
วิกฤติการยอมรับผู้นำในแต่ละยุคสมัยเกิดขึ้นในกัมพูชา และประเด็นที่สามารถสร้างความนิยมให้ผู้นำของประเทศที่ได้ผ่านวิกฤตเรื่องการกอบกู้ชาติและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้ ก็คงหลุดไม่พ้น เรื่อง “กระแสชาตินิยม”
เมื่อวานผมได้ออกรายการ The Standard ของคุณออฟ ร่วมกับ อ.ทรงฤทธิ์ฯ จาก ม.เกษตรฯ น่าสนใจมากครับ อ.ทรงฤทธิ์ฯ แนะประเด็นว่าเรื่องเขตแดนทั้งสามด้านของกัมพูชาเป็นเรื่องหลักอยู่แล้วที่ผู้นำแต่ละรุ่นนำมาสร้างกระแสความนิยมให้ตัวเองและพวกต่อประชาชน อาทิ สมเด็จนโรดมสีหนุฯ ตั้งแต่เขาพระวิหารที่ชนะไทยที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เมื่อปี 2505
และช่วงปลายสมัยสมเด็จนโรดมสีหนุฯ ที่พยายามยกประเด็นปราสาทตาเมือนธม ปราสาทสด๊กก๊กธม มาเรียกกระแส แต่ถูกยึดอำนาจเสียก่อน
ทั้งฝั่งลาว และเวียดนาม กัมพูชาจัดเรื่องเขตแดนทั้งนั้น เพราะมันเรียกกระแสชาตินิยมได้ง่ายเพราะเป็นการต่อสู้กับ “คน” และ “ประเทศ” อื่น สำหรับผมนี่คือการแบ่งแยก “เขา” และ “เรา” คือ “us” and “them” มันเป็นยุทธวิธีทางการเมืองและ “การต่อสู้” ที่ง่ายและเร็ว ทั้งในแง่มุมจำนวนประชากรที่น้อยเพียงแค่กว่า 15 ล้านคนเท่านั้น
ความนิยมของลูกชายของฮุน เซน ยังไม่เท่าพ่อ การทำให้เรื่องข้อพิพาทกับไทย ประเทศที่มีอิทธิพลการพัฒนาที่สูงกว่า แต่หากสามารถชนะได้ไม่ว่านำเรื่องเข้าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ICJ หรือการเผชิญหน้าทางการทหารอย่างไม่กลัวแม้รู้ว่ากำลังต่ำกว่า จะเรียกกระแสชาตินิยมได้อย่างท่วมท้น ท่ามกลางความชราภาพของฮุน เซน ซึ่งอายุมากแล้ว และต้องการให้กระแสนิยมลูกชายเพิ่มขึ้นเป็นก้าวกระโดดในชั่วข้ามคืน
แถมความคิดและการประเมินของผมเรื่องผลประโยชน์ในทรัพยากรธรรมชาติในทะเลที่อยู่ในพื้นที่พิพาท OCA ก็จะสัมฤทธิ์ผลไปด้วยอย่างง่ายดาย การฉีก MOU 43 และได้มาซึ่งการเผชิญหน้าเอาดินแดนพิพาท และเอาเกาะกูดคงง่ายขึ้นอย่างทันตาเห็น หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่กัมพูชาวางไว้มาอย่างยาวนาน
ไทยไม่เตรียมตัวและตามไม่ทัน รัฐบาลไทยนิ่งเรื่องสถานการณ์ชายแดนมาอย่างยาวนาน เพราะเรื่องชายแดนของไทยทั้ง 4 ด้านนั้น ไม่ได้ถูกให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย มันขึ้นอยู่กับใครเป็นผู้นำรัฐบาลไทย หากเป็นพลเรือน กิจการด้านชายแดนไม่ต้องพูดถึง อ่อนแอ ย่ำแย่และถอยหลัง หากเป็นรัฐบาลทหาร มันเป็นแบบ preemptive ไปในตัว ทำให้เพื่อนบ้านกังวลหากกระทำการใดๆ ที่อาจกระทบชายแดนกับไทยได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลทหารจะดีกว่านะครับ เค้าก็ไม่มีนโยบายใดๆ เป็นพิเศษเหมือนกัน แต่เพื่อนบ้านเกรงไปเอง !!
1.7 ล้านล้านบาท ต่อปี ที่เป็นเม็ดเงินที่มาจากการค้าชายแดน ข้ามแดนและผ่านแดน แต่ชายแดนกลับถูกมองข้ามการจัดลำดับความสำคัญในนโยบายรัฐบาลของไทย เราจะมามองปัญหาชายแดนก็ต่อเมื่อ มีสถานการณ์ “ความมั่นคง” เกิดขึ้นเป็นพิเศษ อย่างจังหวัดชายแดนภาคใต้ คอลเซนเตอร์และสแกมเมอร์ในเมียนมา ปัญหาเขตแดนกับกัมพูชา เป็นต้น
ต้องเปลี่ยนกรอบความคิดกันใหม่ทั้งระบบนะครับ จะได้ไม่ต้องคอยแต่วิ่งตามสถานการณ์ตลอดเวลา นี่คือเสียงสะท้อนของคนที่ทำงานด้ายชายแดนไทยครับ
ตอนนี้สิ่งที่รัฐบาลทำได้ คือ หนึ่ง เอาข้อเท็จจริงมาตีแผ่ให้สาธารณะรับทราบโดยเร็วว่ามันเกิดอะไรขึ้น จาก “ปากของรัฐบาลไทย” เพราะกัมพูชาเค้าตะโกนใส่ลำโพงระหว่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประเทศอื่นๆ ในเวทีโลกเค้าอ่านข้อความของกัมพูชาละเอียดสัก 10 กว่ารอบแล้ว แต่ยังไม่มีของรัฐบาลไทยให้ใครอ่าน !!
อย่าทำเป็นไม่สนไม่แคร์โลก เพราะสุดท้ายปัญหานี้มันเป็นปัญหาระหว่างประเทศตั้งนานแล้ว แต่เรากลับนิ่งเฉย เราไม่ต้องการให้ใครมาสดับรับฟ้องเราหรอกครับ แต่เราต้องการข้อเท็จจริงของไทยอย่างทางการไปสู่สังคมโลกโดยเร็วด้วยเช่นกัน !!
สอง ล๊อบบี้ใช้กลไกระหว่างประเทศอื่นๆ ครับ อย่ามุ่งเน้นตั้งหน้าตั้งตารอแต่วันที่ 14 มิ.ย. ที่กัมพูขาไม่สนอะไร ใส่เข้าไปให้หมด อาเซียน เอเชีย-เปซิฟิค ACD ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ที่มีกัมพูชาและไทย รวมทั้งประเทศใหญ่ๆ อย่างจีนอยู่ด้วย ใส่เข้าไปให้หมดครับ อย่าไปสนไปแคร์ เพราะมันเรื่องความมั่นคงและการพัฒนาร่วมในภูมิภาค มีจังหวะไหนจัดไปให้ได้
อย่ามัวแต่มองความสัมพันธ์ส่วนตัวเหนือกรอบความร่วมมือทางการ !!
สาม ลองถามจีนดูครับ อิทธิพลเหนือกัมพูชาอย่างมาก ตามที่ท่านได้เคยทำมาแล้วในเมียนมากับการปราบปรามแก๊งค์คอลเซนเตอร์และสแกมเมอร์ แต่ !!! ต้องไม่ยอมเป็นรองใครใดๆ ทั้งสิ้น ต่อรองให้เก่งให้เป็น อย่ายอมเป็นรองในการเจรจาต่อรองนะครับ
ที่ต้องเสนออย่างนี้ เพราะเราช้ามากๆ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา ไม่ทำอะไรทั้งนั้น คงต้องทำแล้วนะครับ เอาแผนงาน roadmap ออกมากางให้ประชาชนอย่างพวกเรามั่นใจด้วยครับ
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS